ไม่เพราะпรรมเขาที่มีต่อคุณ ก็пรรมคุณที่มีต่อเขาจึงได้มาเจอกัน และпรรมนั้นจะพาคนทั้งสองมาเจอกันในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
และเมื่อ ‘หมดпรรม’ ไม่อยๅกจากก็ต้องจาก สิ่งใดที่เราทำมา ไม่อยๅกเจอก็ต้องเจอ
สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำมา ไม่อยๅกจากก็ต้องจาก นี้ละที่เรียกว่า ‘пรรม’ ดังนั้น
การที่เราโ ดนกระทำจากคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นผลของпรรมที่เราทำมาก่อน
แต่เราก็คงพิสูจน์ไม่ได้ว่าอดีตเราเคยทำมาจริงเหรอ ดังนั้นแล้ว เราควรมาคิดว่า ถ้าเกิดมันเป็นเรื่องจริง
ดังนั้นแล้วเราไม่อยๅกที่จะสร้างпรรมกับเขาอีก ไม่อยๅกให้เขามาทำร้ๅยอีก
เราจึงหัดที่จะให้อภัย ปล่ อยเขาออกจากใจ เลิกสร้างпรรมต่อกัน
ส่วนตัวเขาจะสำนึกหรือไม่ ให้คิดซะว่า เราให้อภัยเราได้บุญ
เราได้เลิกยุ่งเกี่ยวต่อกันส่วนเขาก็คงจะได้รับпรรมที่เขาทำ
โดยที่เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับпรรมนั้น ดังคำที่ว่า ‘บุญใคร пรรมมัน’
ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านตรัสไว้ว่า ‘ความบังเอิญ…ไม่มีจริง’
เพราะทุกสิ่งล้วนต้องมีที่มา ที่ไป นั่นก็คือ ‘ตัวпรรมที่นำพามา’
แต่เมื่อพามาเจอกันแล้ว หลังจากนั้นคือ ‘ตัวเราเอง’ เป็นคนกำหนด
จะกำหนดให้ดี…ก็ร่วมกันทำดี จะกำหนดให้มันแ ย่… ก็ทำร้ๅยซึ่งกันและกัน
ก็อยู่ที่…‘เราเลือก’ การพบกันในปัจจุบัน คือ ผลของпรรมในอดีต
แต่ชีวิตจะเป็นเช่นไรในอนาคต คือ ผลของпรรมที่เราจะทำในวันนี้