ชีวิตคู่เหมือนลิ้นกับฟัน ที่ต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ถ้าหากการกระทบกระทั่งนั้นรังแต่จะสร้างบา ดแ ผลให้อีกฝ่ายโดยที่เราไม่รู้ตัวแล้วละก็ มันก็เหมือนกับการเคาท์ดาวน์สู่หาทางหย่าร้างนั่นแหละค่ะ
1.วิ จารณ์หรือติเตียน แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ
การวิ จารณ์อีกฝ่ายตั้งแต่เรื่องใหญ่ไปจนถึงเรื่องเล็กๆ เช่น เสื้อผ้าหน้าผม การขับรถ การกิน วิธีพูด แม้กระทั่งการหายใจ นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดแล้ว ส่อแววมาแต่ไกลเลยว่าชีวิตคู่ของเราถึงขาลงเสียแล้วสิ
รูปแบบการสื่อสารที่บ่งบอกว่าความสัม พันธ์นี้กำลังจะล้มเหลว เพราะเป็นจากการวิ จารณ์การกระทำหรือตัวตนของอีกฝ่าย
ถ้าเพียงแต่เรื่องสองเรื่องที่เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ก็คงไม่เป็นอะไร แต่ถ้าคุณวิ จารณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรื่องเดิมๆ เรื่องใหม่ๆ เรื่องเล็กๆ มันคือสัญญาณว่าคุณไม่ชอบอีกฝ่ายไปเสียทุกอย่างแล้วละค่ะ
2.ด่วนสรุปเร็วไปและมองโลกในแง่ร้า ยเกินไป
เมื่ออีกฝ่ายกลับบ้านช้าหรือลืมโทรหา คุณคิดไปแล้วว่าเขาไม่ได้รักคุณแล้ว มันก็คือสัญญาณกลายๆ ว่าคุณกำลังจะตัดความสัม พันธ์กับอีกฝ่าย และในไม่ช้าก็จะนำไปสู่ชีวิตคู่ที่ล้มเหลว
ความจริงก็คือคุณไม่รู้ความจริง แต่คุณโวย วายไปก่อนแล้ว ลองคิดดูง่ายๆ ว่า ขณะที่อีกฝ่ายอาจจะรถติดอยู่บนท้องถนนนานแล้ว
กลับบ้าน มาเจอคุณเย็นชาใส่ แล้วเขาผิดอะไรละ คุณไม่ต้องกลัวว่าคุณจะดูโ ง่ในสายตาใครหรือจำเป็นต้องคิดในแง่ร้า ยตลอดเวลา เพราะสิ่งที่คุณทำก็คือการบั่นทอนจิ ตใจทั้งคุณและอีกฝ่ายด้วย
3.คุยกันทีก็เริ่มด้วยเรื่องที่ไม่ดีซะงั้น
การเริ่มต้นบทสนทนาด้วยคำพูดที่เป็นลบ ก็จะจบบทสนทนาด้วยอารมณ์ในด้านลบ นอกจากจะไม่ช่วยให้สถานการณ์ใดๆ ดีขึ้น บทสนทนาในครั้งนี้จะกลายเป็นการทะ เลาะและโต้เถียงกันในที่สุด
ความขัด แย้งใดๆ ก็ตามในชีวิตคู่ มักจะเดาจากการพูดคุยแค่ช่วง 30 วินาทีแรกของบทสนทนา การพูดดีๆ กันบ้างมันก็คงทำได้ไม่ยากใช่ไหมละคะ
4.ดูถูก กันบ่อยๆ
การล้อกันด้วยชื่อที่เหมือนเป็นการดูถูกหรือดูหมิ่นอีกฝ่าย ล้อเลียนกับพฤติпรรมต่างๆ ประชดประชัน จิกกั ด กลอกตาใส่ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวบั่นทอนอีกฝ่ายทั้งสิ้น
หากมีคนทำกับคุณแน่นอนว่าคุณไม่มีทางชอบไปได้ แต่คุณอาจจะลืมว่าคุณทำใส่คนรักของคุณบ่อยเกินไปไหม หรือจริงๆ แล้วต้องทำข นาดนั้นเลยรึเปล่า
5.เลิกทำให้สิ่งที่คุณรักหรือชอบ
ช่วงโปรโมชั่นแน่นอนค่ะว่า ได้ครับพี่ ดีค่ะนาย เราจะโอนอ่อนผ่อนตามอีกฝ่ายได้เสมอ จนทำให้คุณสูญเสียตัวตน สิ่งที่คุณชอบทำเป็นประจำ เพราะว่าอีกฝ่ายไม่ชอบ โ ดนบ่น หรือโ ดนหึงหวง
การเข้าควบคุมชีวิตของอีกฝ่าย หรือแม้แต่พยายามจะฝืนตัวเองเพื่อความต้องการของอีกฝ่ายนั้น มันคือความสัม พันธ์ที่ไม่ยั่งยืนเอาเสียเลยค่ะ
และแน่นอนว่าเป็นความสัม พันธ์ที่ไม่ดีด้วย การเว้นที่ว่างให้ตัวเองและอีกฝ่ายได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ ได้เป็นในสิ่งที่เขาต้องการ นั่นคือความสัม พันธ์ที่จะยืนยาว และมีความสุขกันทั้งคู่ด้วยค่ะ
6.ต้องปกป้องตัวเองตลอดเวลา
หากความสัม พันธ์กลายเป็นสง คราม ที่คุณทั้งสองเล่นบทเป็นผู้รุกราน และผู้ป้องกันเมือง มันจะน่าอภิรมย์ไปได้ยังไงคะ คุณต้องแก้ต่างให้ตัวเองตลอด
แม้กระทั่งตอนที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ว่ากล่าวหรือติคุณเลย นั่นก็เป็นอีกสัญญาณนึงที่คุณก็แค่รอวันที่จะยกธงขาว ยอ มแพ้ เพื่อ มาพักหายใจน่ะแหละค่ะ
7.ทะ เลาะกันทีบานปลายไปใหญ่โต
ความคัดแย้งเป็นเรื่องธรรมชาติของคู่รักและชีวิตคู่ค่ะ แต่หากทะ เลาะกันทีมันกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต มีการยกความผิดสมัยพระเจ้าเหา หรือสาดสีเทสีใส่กัน
มันก็เป็นสัญญาณอัน ตรายแล้วละค่ะ แม้คุณและอีกฝ่ายจะไม่รู้สึก แต่การทะ เลาะกันแบบนี้จะยิ่งรุน แรงขึ้นเรื่อยๆ และจะจบได้ก็ต่อเมื่อคุณเลิกกันไปน่ะแหละ
8.ตั้งป้อ มใส่กัน
การปลีกตัวออกมาหายใจ ปิดกั้นตัวคุณหรือตัวเขาออกไป มันจะดีก็ต่อเมื่อคุณไม่ได้ใช้ชีวิตคู่อยู่นะคะ ความรู้สึกเย็นชานี้มันจะบั่นทอนความรักที่คุณทั้งคู่มีให้แก่กัน
และป้อ มปราการที่คุณสร้างขึ้น มานั้น ไม่ใช่การสร้างที่เสร็จในการทะ เลาะกันครั้งหรือสองครั้ง
แต่ยิ่งคุณทะ เลาะกัน มากเท่าไหร่ หากคุณตั้งป้อ มสูงขึ้นทุกครั้ง ในไม่ช้าคุณก็จะเย็นชาใส่อีกฝ่าย จนกลายเป็นระหว่างกันไม่เหลือความรักให้อีกลย
9.จำไม่ได้ว่าทำไมเราถึงรักกัน
พลังในด้านลบที่ถาโถมเข้าหากัน จนทำให้ความรู้สึกเก่าๆ ตา ยไปจนหมด การจำไม่ได้ว่าทำไมคุณทั้งคู่ถึงรักกัน
เช่น รอยยิ้มของเธอทำให้ผมห ลงรัก เขาทำให้ฉันรู้สึกว่าเปนคนพิเศษ หากความทรงจำเหล่านั้น มันถูกลืมเลือนไป ในไม่ช้าคุณก็จะตั้งคำถามว่า แล้วทำไมฉันถึงต้องอยู่กับเธอละ
อย่างไรก็ตาม หากคุณทั้งสองยังต้องการให้ครอบครัวเป็นครอบครัว ให้ชีวิตคู่เป็นชีวิตคู่ การเปิดอกคุยกันไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะหาคนช่วยนะคะ