ข้อคิดสอนใจ

เรารักเขาหรือกำลังห ลงเขากันแน่

ทั้งรัก ทั้งห ลง เกิดได้กับทุกคน แต่คุณแยกมันออกหรือไม่

ในวัยหนุ่มสาว ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังมีฮอร์โมนสูบฉีด พุ่งพล่าน กำลังสนุกสนานกับชีวิต เต็มไปด้วยพลังและความปรารถนา ซาบซ่าได้ทุกวี่วัน เฮฮากันได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เรามี “ความรัก” มากมายพอๆ กับพลัง เป็นความรักที่พร้อ มจะมอบให้ใครสักคน ประมาณว่า “…เปิดใจตรงนี้เลย คำว่ารักฉัน มีอยู่แทบล้นใจ แต่ยังไม่มีที่ใช้ก็เท่านั้นเอง…” ซึ่งเมื่อเจอกับใครสักคนที่เดินเข้ามาในหัวใจ เราก็รีบตะครุบ ยึดกุมความรักครั้งนี้เอาไว้แบบกั ดไม่ปล่ อย ใครบังอาจเข้ามาแหยม เจอดีแน่!

ความรู้สึกอันรุน แรงนี้เอง ที่สามารถทำให้เราทำอะไร ๆ ตามอารมณ์มากกว่าจะใช้ความคิด(ภาษาวัยรุ่นบอกว่า ทำตามหัวใจ) ซึ่งวัยหนุ่มสาว ยังไม่ใช่ผู้ใหญ่เต็มตัว วุฒิภาวะยังไม่เต็มที่ ก็อาจจะทำอะไรโดยไม่ค่อยคำนึงถึงเหตุผลอยู่แล้ว เมื่อ มาบวกกับการตกอยู่ใน “ห้วงรัก”อย่างนี้ ก็ยิ่งพลอยทำให้ “อาการห ลง” กำเริบได้ง่ายๆ

“อาการห ลง” ที่ว่านี้ ถ้าจะให้วินิจฉัยและอธิบายอย่างง่ายๆ ก็น่าจะเรียกได้ว่า เป็นการแสดงออกของความรู้สึกรัก ที่ประกอบด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล เกิดขึ้นได้กับทุกเ พศทุกวัย ทั้งหนุ่มสาวในห้วงรักที่มีภาพแฟนติดอยู่ในหัว 24 ชั่ วโมง หนุ่มใหญ่วัยกลางคน ที่ดันไปปลูกต้นรักกับสาวน้อยวัยต้นยี่สิบ หรือสาวโสดเพิ่งเกษียณ เกิดปิ๊งปั๊งกับพ่อ ม่ายหนุ่มวัยสามสิบกว่าๆ ฯลฯ

อาการห ลงไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อ ย่างใด ตรงกันข้าม เป็นภาวะแสนจะปกติธรรมดา ที่เกิดขึ้นได้กับทุกๆ คนที่กำลังมีความรัก ทั้งที่รักเขาข้างเดียว และทั้งที่เพิ่งจะ in love คบหาปลูกต้นรักกัน

หลายๆ คน มักจะสับสนระหว่างคำว่า “ห ลงรัก” กับ “รักแท้” เพราะเรามักจะถูกสอนให้ตั้งข้อสังเกตระหว่างสองภาวะพร้อ มกับคำสอนที่ว่า “ห ลงรัก” นั้นไม่ดี ส่วน “รักแท้” นั้นดีแน่ๆ แต่จะเป็นไปได้หรือ ที่เราจะรักใครจริงโดยไม่มีอารมณ์ห ลงอยู่เลย? เป็นไปได้หรือที่เราจะห ลงใครโดยไม่มีความรักจริงอยู่เลย?

พูดอีกอย่างหนึ่ง ทั้งความห ลงและความรักนั้น เป็นสิ่งเดียวกันนี้เอง เพียงแต่มีการแสดงออกที่แตпต่างกัน ถ้าจะเปรียบไปแล้ว ความห ลงก็คงเหมือนเด็пคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยพลังขับเคลื่อน เต็มไปด้วยจินตนาการ ความฟุ้งฝัน แต่ขณะเดียวกันก็เอาแต่ใจตัวเองสุดๆ ส่วนความรักก็เหมือนกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งมีเหตุผล ละเอียดรอบคอบ รับฟัง เข้าใจ เอาใจใส่ แต่อาจจะดูเนิบๆ ไม่ค่อยเร้าใจ

ความห ลงนั้นสามารถพัฒนาเติบใหญ่กลายเป็นความรักได้ ขณะเดียวกันในความรักนั้น หากมีความห ลงผสมอยู่ด้วย ก็จะทำให้ความรักมีชีวิตชีวามากขึ้น รักครั้งแรกโดยเฉพาะรักของหนุ่มสาว โดยธรรมชาติแล้ว จะต้องมี “ความห ลง” นั่นเป็นเรื่องธรรมด้า ธรรมดา ไม่ผิดปกติ และไม่ควรจะคิดว่าเป็นเรื่องผิดปกติ

แต่การจะพัฒนาความห ลงให้กลายเป็นความรักที่มั่นคงยั่งยืนนั้น เป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายนัก เพราะความรักเป็นความรู้สึกที่พัฒนาไปตามวุฒิภาวะและสติปัญญา ใครบางคนเคยโ ง่งมงายกับความรักเมื่อตอนเป็นวัยรุ่น แต่เมื่อผ่านความรักมาหลายต่อหลายครั้ง ได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ ความห ลงก็จะน้อยลงไป เมื่อรักใครก็ใช้เหตุผลมากขึ้น ขณะที่ใครบางคน เคยห ลงหัวปักหัวปำอย่างไร ผ่านไปนานแค่ไหน พอไป in love อีกครั้งก็ยังห ลงหัวปักหัวปำอยู่อย่างนั้นนั่นเอง

คำว่า “พบรักแท้” นั้น ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า รักแท้เป็นเสมือนสมบัติอย่างหนึ่งที่สามารถพบเจอได้ แต่น้อยคนที่จะเข้าใจว่า “รักแท้” นั้นเกิดขึ้นได้ หรือพัฒนาขึ้นได้จากภายในตัวเรานี่เอง ไม่ต้องไปเดินหาจากทีไหนให้เหนื่อยและไม่จำเป็นจะต้องมาแยกแยะด้วยว่า แบบนี้ๆ คือความห ลง แบบนี้ๆ คือความรัก เพราะต่อให้แยกแยะเป็นร้อยๆ ข้อ ก็ใช่ว่าจะเป็นกฎเกณฑ์ที่เราจะต้องทำหรือต้องไม่ทำ เปรียบเหมือนกับการกำหนดเป็นข้อๆ ให้เด็пๆ เห็นว่า การเป็นเด็пเป็นอย่างไร การเป็นผู้ใหญ่เป็นอย่างไร ซึ่งต่อให้ชี้แจงกระจ่างแจ้งแค่ไหน ก็ไม่ช่วยให้เด็пกลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มาได้

การตั้งคำถามว่า “รัก หรือ ห ลง” ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะช่วยเตื อ นสติตัวเอง ถ้าหากมันกำลังจะทำอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล เช่น ทุ่มเทแบบไม่เสียดายชีวิต ตามเกาะติดทุกฝีก้าว งี่เง่าเอาแต่ใจโดยไม่รู้ตัว มัวแต่จิกไลน์ จิกเฟสบุ๊คหาตลอด ฯลฯ ซึ่งถ้าไม่พัฒนาไปในทางที่ดี ความห ลงเหล่านี้จะมีอายุโปรโมชั่นไม่นาน เพียงแค่ไม่กี่เดือนความรู้สึกซู่ซ๋า ฟู่ฟ่าเหล่านี้ก็จะเริ่มจางหายไป สุดท้าย อาการ “หมดโปร” ก็จะเข้ามาทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องเบื่อหน่ายหรือห่างหายกันไปเอง

แต่หากคุณต้องการจะเปลี่ยน มันให้เป็น “ความรัก” คุณจะต้องตั้งอนาคตให้หัวใจตัวเองไว้ก่อน ว่าคุณต้องการอะไร ต้องการจะเป็นอะไร หากคุณไม่ต้องการแค่ “ห ลง” แต่ต้องการจะ “รัก” คุณก็ควรจะตั้งคำถามและพยายามหาคำตอบเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะ “ความห ลง”นั้น พัฒนาเป็น “ความรัก”ได้ หากเรามีสติมากพอ

meko

Share
Published by
meko