ความรัก…เมื่อเราปล่ อยให้มันเกิดขึ้นกับเราแล้ว แน่นอนว่าเป้าหมายของเราคงไม่ได้หยุดอยู่แค่คำว่า “คบกัน” แค่นั้น
ทุกคนที่มีความรักล้วนเชื่อ มั่นและคาดหวังว่า วันหนึ่งความรักจะนำพาคนสองคนก้าวไปสู่เป้าหมายแห่งการ “ใช้ชีวิตร่วมกัน”
หากแต่คบกัน มานาน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีอนาคตร่วมกันเลย หรือเขาไม่เข้าใจเหมือนที่เราเข้าใจว่า “รักแท้ ไม่ใช่แค่คบไปวันๆ” เราควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?
แปลกดีนะ…ความรักมักทำให้เราปวดหัวกับมันได้เสมอ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่…ตั้งแต่เรื่องง่ายๆ
ไปจนถึงเรื่องยากๆแม้ว่าเราจะก้าวผ่านอุปสรรคมาด้วยกันหลายอย่างแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เคยสร้างความมั่นใจให้เลย
บางคนจึงอยู่กับคำถามเดิมๆ ที่แสนเจ็บปวด เพราะไม่รู้ว่า “เราสองคนจะมีอนาคตร่วมกันหรือไม่” เมื่อไหร่ที่คนเราเริ่มมองหา “ความมั่นคง”
ในชีวิต การเริ่มต้น มองหาจากคนใกล้ตัว เช่น คนรัก จึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ทำไมมันช่าง “กดดัน” และ “เจ็บปวด” เหลือเกิน
ทุกครั้งที่เอ่ยปากถึงเรื่องนี้ กลับเป็นประเด็นที่ทำให้คนสองคน “ทะ เลาะ” กันได้ทุกที
ทั้งที่เราปล่ อยให้เวลาได้ทำหน้าที่ของมัน มาอย่างยาวนาน นานพอที่น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่าระหว่างเรา คงจะไม่มองใครคนไหนอีก
คิดว่า “จะหยุดที่คนนี้” แต่ความสัม พันธ์ก็ไม่ก้าวหน้าไปกว่านี้เลย ในขณะที่อีกคนเริ่มคิดถึงเรื่องเป้าหมายในอนาคต
เริ่มอยากมีอะไรเป็นของตัวเอง เช่น อยากมีบ้าน..อยากมีรถ..อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น..อยากมีงานแต่งงาน แต่อีกคนกลับยังไม่คิดถึงเรื่องเหล่านี้เลย
บางคนให้เหตุผลว่า “คบกันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว” ยังจะต้องการอะไรอีก บางทีก็บอกว่า “ไม่พร้อ ม” ทั้งๆ ที่หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาดูพร้อ มมาตั้งนาน
เพื่อนฉันคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เธอ มีแฟนที่เพียบพร้อ มทุกอย่าง เขามีบ้าน..มีรถ..มีการงานที่มั่นคง เธอกับเขาคบกัน มาเกือบสิบปี
คนรอบข้างเริ่มถามถึงเรื่องการใช้ชีวิตคู่ อยากให้แต่งงานกัน เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตด้วยกันสักที
แต่เขาก็นิ่งเฉย เพราะไม่อยากลงเอ่ยด้วยการ “แต่งงาน” ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ต้องการ “เสียเธอไป”
นอกจากนี้ ยังมีพี่ที่ทำงานของฉันคนหนึ่งคบกับแฟนแค่ปีเดียวก็ตัดสินใจแต่งงานกัน ตอนนั้นใครๆ ก็มองว่า “เร็วจังเลย”
ทำไมถึงไม่ดูกันไปนานๆ ก่อน พี่คนนี้บอกว่า “ก็ในเมื่อเจอคนที่ใช่แล้ว จะรออะไร” งานแต่งงานของทั้งคู่ผ่านไป
ชีวิตแต่งงานของพี่คนนี้ก็เป็นชีวิตที่มีความสุข มีปัญหามาให้แก้บ้าง มีเรื่องทะ เลาะกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาไหนที่ความรักเอาชนะไม่ได้
ส่วนอีกตัวอย่างหนึ่ง…ก็เป็นเรื่องของคู่รักคู่หนึ่งที่คบกัน มานานถึง 7 ปี เมื่อผญ.เริ่มอายุมากขึ้น พ่อแม่ก็อยากให้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา
แต่แฟนของเธอก็เอาแต่ชิลล์ เขาคิดว่า “ไม่ต้องแต่งงานก็มีความสุขได้เหมือนกัน”
เมื่อชัดเจนข นาดนี้ว่า “ความคิดไม่ตรงกัน” ผญ.ก็ตัดสินใจเลิกกับเขา ต่อ มาเธอก็รู้จักกับผช.คนหนึ่งที่เข้ามาจีบ
เขารักเธอ และอยากใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอ ทั้งคู่คบกันแค่ 6 เดือน พวกเขาก็ตัดสินใจแต่งงานกัน
ในขณะที่แฟนเก่า พอรู้ว่าแฟนเลิกกับตัวเองแล้วไปแต่งงานกับอีกคน ก็เสียใจมาก พยายามทำทุกอย่างเพื่อขอให้ผญ.กลับคืน มา
เขายอ มแต่งงาน เขายอ มตามใจเธอทุกอย่าง แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เธอเลือกอีกคนที่ “เชื่อ มั่น” ในตัวเธอตั้งแต่แรก
เธอหันหลังให้กับคนที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ไม่มีจุดหมาย เพราะเธอรู้ว่าถ้ายอ มคบกับเขาไปเรื่อยๆ แบบนี้ วันหนึ่งเธอจะกลายเป็นคนไม่มีอนาคตตามไปด้วย.
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เรื่องของความรักที่ส่งผลต่อชีวิตจริงของเรา ล้วนเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การจะตัดสินใจ “รัก” หรือ “ไม่รัก” คนคนหนึ่ง
จากประสบการณ์ของคนอื่นๆ อาจไม่ถูกเสมอไป เพราะคนเรามีวิถีชีวิตที่แตпต่างกัน คิดต่างกัน ไม่มีใครจะทำตามแบบใครแล้วจะได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์
รักแท้…ที่บางคนค้นเจอ อาจใช้เวลาไม่นานก็ได้เจอ แต่กับบางคน…จำเป็นต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต
เพื่อจะแน่ใจว่าใครคือคนที่อยากอยู่ร่วมกัน มากที่สุด คู่รักบางคู่ไม่ได้ลงเอยด้วยการแต่งงาน แต่ก็อยู่กันไปจนแก่เฒ่า นี่ก็เรียกว่า “รักแท้” ได้เหมือนกัน
สิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องถามตัวเองว่า…รักคนนี้แล้วเรามีความสุขหรือเปล่า? ถ้าคำตอบคือ “ใช่” รักเขาแล้วมีความสุข
ก็ไม่สำคัญหรอกว่า…รักแล้วจะมีอนาคตข้างหน้าร่วมกันอีกไหม เพราะความสุขที่เกิดขึ้นกับเราทุกวัน
จะให้คำตอบกับเราเองว่าอนาคตของเราจะเป็นเช่นไร เมื่อวันที่เขาและเราพร้อ ม เมื่อนั้นคำตอบที่ถูกต้องจะเดิน มาหาเราเอง “ขอแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ”