1 : จากเดทคู่กลายเป็นเดทกลุ่ม
คู่รักข้าวใหม่ปลามัน มักไม่อยากมี กขค. แต่เดทครั้งล่าสุดรวมทั้งก่อนหน้านั้นอีกสองครั้ง เขาชวนเพื่อนอีกสองสามคนถึงครึ่งโหลไปดูหนังกินข้าวกันกลุ่มเบ้อเริ่มซะอย่างงั้น
แถมยิ่งไปกว่านั้น เขายังทำเฟลิร์ตกับสาวอื่นให้คุณเห็นตำตาอีกต่างหาก เพื่อให้เธอเข้าใจใหม่ว่านี่คือเที่ยวเป็นกลุ่มไม่ใช่เดท
2 : อยู่ๆก็ลุกขึ้น มาทำหล่อผิดปกติ
ข้อนี้อาจจะเห ม าะกับคู่แต่งงานที่อยู่กัน มานานแล้ว มันเป็นเพราะเขาคิดว่าเขาต้องกลับมาดูแลตัวเองเสียใหม่ ให้ดูดีขึ้นเพื่อที่จะได้มีโอกาสมองหาความสัมพันธ์ใหม่ๆ (กับผ ญ.คนใหม่ไงล่ะ)
3 : ฉุนเฉียวใส่ไม่ถูกใจไปหมด
คุณเล่าเรื่องตลกแต่เขาไม่รับมุข คุณถามว่าเส า ร์นี้ไปไหนกันดี เขาโวยว่า “เลิกถามเสียที” คุณบ่นเรื่องเจ้านาย เขาเข้าข้างเธอแทนคุณ อาการเหมือนที่คุณเคยทำกับแม่ตอนเป็นวัยรุ่นยังไงยังงั้น แต่นี่ไม่ใช่สายสัมพันธ์แม่ลูก มันขาดผึงเอาได้ง่ายๆ
4 : บรรยากาศแปลกๆในห้องนอน
มันไม่เ ซ็ กซี่ ไม่อบอุ่นอย่างเคย ทั้งๆที่นี่คือห้องนอน สมรภูมิรักของคุณและเขามาแรมปีแล้ว โดยส่วน มากผ ช.ไม่ค่อยจะปฎิเสธเ ซ็ กซ์
แม้ว่าเขาจะยุ่งก็ตามแต่ห้องนอนความยุ่งต้องหายไปสิ ซึ่งมันห ม ายความว่าอย่างแรก เขาไม่อยากแสดงอารมณ์รักใคร่กับคุณแล้ว อย่างที่สอง เขาไปหาเอาที่อื่นก็ได้
5 : ภาษากายของเขาบอกว่า “อยากออกไปจากที่นี่ซะที”
“คุณทำให้ผมมีความสุขจัง” แต่สังเกตภาษากายเขาก่อน ระวังถ้าเขากอดคุณแล้วเอาไหล่เพียงข้างเดียวเข้าหา เพราะมันเป็นสัญญาณว่าเขากำลังตีตัวออกห่าง
ตบแปะๆ เบาๆบนหลังก็ไม่ใช่สัญญาณดีสักเท่าไหร่ มันบอกว่าเขารู้สึกไม่สบายๆกับคุณ แล้วเวลาเขาบอกรักหรือพูดหวานๆแต่ตามองขึ้นข้างบนหรือมองไปทางซ้าย แสดงว่ากำลังโกหก เพราะเขากำลังใช้สมองซีกซ้ายด้านจินตนาการในการปั้นน้ำเป็นตัว
6 : เขาเข้าถึงยากเหลือเกิน
ลองสังเกตตัวเองว่าโทรหาเขาบ่อยกว่าเคยหรือเปล่า? แล้วสงสัยมั้ยว่าทำไมกว่าเขาจะอีเมล์กลับมาใช้เวลาเป็นวัน ทั้งที่แต่ก่อนแค่สิบวินาที เดือนล่าสุดเขายกเลิกนัดไปสี่ห้าครั้งเพราะงานยุ่ง? เขาเปลี่ยนเรื่องคุยทุกครั้งที่เป็นเรื่องของ “เรา” ฟังดูเหมือนเขากำลังหนีคุณอยู่