เมื่อชีวิตเกิดปัญหา เรามักจะเลือกการแยกทาง แต่มั่นใจแล้วหรือว่า นี่คือ ทางออกที่ดีที่สุด
คู่สมรสยุคใหม่มักจะตัดสินใจแยกทางได้ง่ายกว่าคู่สมรสสมัยก่อน พวกเขามักจะคิดว่าหย่าร้างแล้วชีวิตจะดีขึ้น
จากปัญหาที่เป็นอยู่ อีกทั้งคนรุ่นใหม่สามารถยอมรับการหย่าร้างได้ง่ายกว่าคนสมัยก่อนที่มีค่านิยมความคิดครองคู่อยู่กันจนแก่เฒ่า และการหย่าร้างนั่นห ม ายถึงความล้มเหลวของชีวิต
แต่ที่จริงแล้วที่มาของความคิดเหล่านี้ไม่ได้มาจากการการอดทนอดกลั้นต่อปัญหาชีวิตคู่ เพื่อรักษาหน้าทางสังคม
แต่พวกเขาเลือกที่จะใส่ใจถึงมรดกที่ได้จากการหย่าร้างถึงลูกๆ ของพวกเขาต่างหาก
เด็กๆ จะมีความสุขมากที่สุดตราบใดที่พ่อแม่ยังอยู่ด้วยกันในบ้านเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสถานะใด
แม้พ่อแม่จะอยู่กันอย่างไม่มีความสุขก็ตามที เมื่อเทียบกับเด็กที่เลี้ยงโดยคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเพราะการหย่าร้าง
เด็กกลุ่มนีจะมีความไม่มั่นคงทางจิ ตใจมากกว่าและส่งผลกระทบต่อความคิดและอุปนิสัยของพวกเขาในระยะยาว
หากสาเหตุของการหย่าร้างไมได้เกิดจากการนอпใจ หรือทำร้ า ยร่างกายกันครั้งแล้วครั้งเล่าจนยากเกินเยียวยา
การหย่าร้างก็ไม่ใช่คำตอบที่ดีของปัญหานั้น เพราะทุกคู่ที่มีความคิดหย่าร้างมักจะคิดว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะเลี้ยงดูลูกให้สุขสบาย
เหมือนไม่ต่างกับตอนอยู่กันพร้อมหน้า และไม่อยากอยู่อย่างอึดอัดใจ
ทั้งที่จริงแล้วการกลับมาใช้ชีวิตตัวคนเดียวโดยทิ้งลูกไว้กับใครคนใดคนหนึ่ง หรือเลี้ยงดูเพียงลำพังนั้นไม่ง่ายนัก
อีกทั้งยังสร้างบาดแผลในจิ ตใจให้กับลูกอีกด้วย ทางออกที่ดีที่สุดคือเพียงแค่อยู่ห่างกันสักพักอาจจะแค่แยกห้องอยู่แล้วใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีทดลองดูว่าสามารถเลี้ยงลูกเพียงลำพังได้ดีแค่ไหนและอีกฝ่ายยอมกลับตัวกลับใจได้แค่ไหน
ใจเราให้อภัยเขาหรือเธอได้แค่ไหน เพื่อให้ชีวิตของลูกได้ดำเนินไปอย่างมีความสุข
และถ้าโชคดีกว่านั้นทุกอย่างยังมีโอกาสกลับมาเป็นเหมือนเดิมและปล่อยให้รอยร้าวผสานด้วยกาวใจจากลูก