ปัญหาครอบครัวที่เราพบอันดับต้นๆ คือเรื่องของการนอпกายและนอпใจคู่สมรส ปัญหาที่ทำให้วัยรุ่นทุกข์เศร้าเหงาหงอยจนจะฆ่ าตัวต า ยก็ไม่พ้นเรื่องแฟนเปลี่ยนใจ แฟนนอпใจ(หรือนอпกาย)
หลายๆคนยอมให้คนรักนอпกายตนไปยุ่งกับคนอื่นๆ แต่ไม่ยอมเลิกกัน ทนทรมานอยู่ตรงนั้นเพราะไม่แน่ใจว่าเลิกกันไปจะดีกว่าเป็นอยู่หรือไม่
เราคงทำใจให้เชื่อไม่ได้ว่าคนที่นอпกกายเราบอกว่าเขาไม่ได้นอпใจ ทำไปเพราะแค่สนองความอยาก เพราะถ้ารักกันจริงน่าจะห่วงใยความรู้สึกกัน มากกว่านี้ คนที่นอпกายนอпใจเราไปหาความสำราญที่ใดไม่รู้ รู้แต่ตัวเราเท่านั้นที่นั่งทุกข์
ทำไมเขาต้องนอпใจ ฉัน มันไม่ดีตรงไหน?
คนส่วนใหญ่ที่ผิดหวังกับความรัก ถูกหักอกหรือถูกทิ้ง ก็จะหันกลับมาถามคำถามนี้ และมองหาข้อเสียของตนเอง และคิดว่าถ้าฉันดีจริง ดีพอ รูปร่างหน้าตาดี
หรือเฝ้าเอาอกเอาใจเขาได้มากพอ มันคงไม่เป็นเช่นนี้ ความคิดรูปแบบนี้เป็นการด่วนสรุปไปเอง และมักทำให้เราเศร้ามากขึ้น การที่เขาเปลี่ยนใจไม่ใช่เพราะเราแต่เป็นเพราะตัวเขา
อาจจะไม่ใช่เรื่องของความดีแต่เป็นเรื่องของความแปลกใหม่ หรือความอยากที่มักจะไม่สิ้นสุดของมนุษย์ หากมัวแต่เฝ้าโทษตัวเอง เราจะไม่เหลือใคร เสียคนที่รักไปแล้ว เราไม่ควรจะเสียตัวของเราเองเพิ่มด้วยการตำหนิหรือเ ก ลี ยดชังตนเอง
ผิดหวังเพราะคาดหวังมากไปหรือ?
เมื่อเริ่มมีความรัก เมื่อใจเริ่มได้รสชาติของความสุข เราก็จะมีความคาดหวังต่อความสุขนั้นทันทีว่า มันควรจะเกิดขึ้นอีก คาดหวังว่าความสุขนั้นจะต้องอยู่ตลอดไป
ในคู่รัก เมื่อช่วงเริ่มต้น มีความรู้สึกดีๆต่อกัน ต่างฝ่ายก็เติมเต็มคุณค่าและความห ม ายต่อกัน มีคำพูดหวานๆ เฝ้าทำสิ่งดีๆที่เอาอกเอาใจกัน มากมาย
เพราะยิ่งทำก็ได้ความรักกลับคืน ความคาดหวังในจิ ตใจก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เราอาจจะหวังไปว่า เขาจะเป็นรักแท้ รักแรกและรักเดียว
คู่ชีวิตของเราอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า จะรักกันตลอดไปชั่วฟ้าดินสลายไม่คลายรักเลย เราอาจไม่ได้ตระหนักว่า ยิ่งเราคาดหวังสูงเท่าใด โอกาสที่โลกแห่งความเป็นจริงจะมีให้เราได้
ก็ยิ่งห่างไกล หลายคนเมื่อผิดหวังก็เฝ้าแต่จะทำให้ความหวังให้เป็นจริง หลักการนี้ใช้ได้กับหลายกรณีก็จริงแต่ไม่ใช่กับเรื่องความสัมพันธ์
เพราะคนอื่นจะคิดหรือรู้สึกกับเราอย่างไรนั้นเป็นเรื่องภายในตัวตนของเขา เมื่อใดที่เรากำลังใช้ชีวิตเพื่อไปทำให้ใครพึงพอใจ สนใจ หรือให้เขายอมรับ
เมื่อนั้นเราก็มอบชีวิตไปเป็นทาสของเขาเช่นกัน ทุกข์พึงดับที่เหตุแห่งทุกข์ฉันใด ความผิดหวังนั้นก็ควรดับด้วยการลด –ละ-เลิก ความคาดหวังของ “ตัวเราเอง”ฉันนั้น
เยียวยาตนเองอย่างไร?
ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน อย่าเพิ่งด่วนคิดว่าเราอ่อนแอมากจนเยียวยาตัวเราเองไม่ได้ ลองอนุญาตให้ตัวเองได้พิจารณาและลองทำสิ่งต่างๆ ตามคำแนะนำเหล่านี้
1.สำรวจจิ ตใจ ว่า
เมื่อถูกนอпใจหรือผิดหวังในรัก ตัวเราทุกข์อย่างไร ปัญหานี้ทำให้ชีวิตเราเสียหายยับเยินแค่ไหนบ้าง ค่อยระลึกรู้ว่ามันส่งผลกระทบกับเราอย่างไร
ขอเชิญชวนให้เราสำรวจดูว่า เราได้รับความเสียหายเพียงใด ดูให้ชัดเจน เจ็บปวดก็รู้เห็นความเจ็บปวดนั้น เรื่องใดเสียหายก็รับรู้ความรู้สึกที่เรามีต่อเรื่องนั้นๆ
2.เมื่อสำรวจใจดีแล้ว ถามใจตัวเองว่า
เราคิดจะทำอย่างไรกับมัน สงส า รและเมตตาตนเองหรือไม่ จะอยู่กับความเสียใจซึ่งเปรียบเหมือนบ้านที่ยับเยินนี้ต่อไป หรือเราอยากจะซ่อมบ้านของเราหลังนี้เสียที
เราอยากให้อะไรในชีวิตดีขึ้นหรือเราชอบที่จะจมกองทุกข์จริงๆ การเกิดเป็นคนก็มีทุกข์อื่นๆในชีวิตมากพอแล้ว เราอยากจะลดไปสักเรื่องหรือไม่
เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า อยากจะดีขึ้น ไม่อยากทุกข์กับเรื่องนี้แล้ว ก็คงได้ฤกษ์ที่จะลงมือซ่อมบ้านของเราเองเสียที
3. พึงตระหนักว่างานทางจิ ตใจ
ไม่มีใครทำแทนเจ้าของจิ ตได้ หากหาใครมาดามอกที่หัก ก็จะเป็นความเสี่ยงของทุกข์ซ้ำในเรื่องเดิมนี้อยู่ดี บางคนใช้ชีวิตโดยพึ่งพิงใครสักมาตลอด
จะสุขจะทุกข์ก็เอาไปผูกกับคนอื่น เหมือนใช้คนอื่น มาเป็นเสาหลักของบ้านตนเอง เมื่อเสาหลักนั้น“หนีหาย”ไป บ้านก็สั่นคลอนและพังทลาย
ปัญหาครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะหัน มาปรับปรุงวิธีการใช้ชีวิตของตนเอง กำจัดจุดอ่อนโดย หันกลับมายึดตัวเองเป็นเสาหลักในการใช้ชีวิต ไม่ไปฝากไว้กับคนที่ไม่รู้ค่า
4.แต่หากตัวเราเองก็ไม่ค่อยเห็นคุณค่าตัวเอ
ง ไม่ค่อยชื่นชมหรือพึงพอใจในตนเอง ก็จะเป็นเสาหลักให้ชีวิตตนเองอย่างไม่ค่อยแข็งแรงมั่นคง แต่ถ้าหันไปพึ่งพิงคนอื่นเพราะคิดว่ามั่นคงกว่า
ตัวเราจะไม่เคยได้พัฒนาและเสี่ยงต่อการถูกคนอื่นทอดทิ้งอีกเช่นเคย การเสริมสร้างความเข้มแข็งในตนเองสามารถกระทำได้เสมอทุกเวลาทุกขณะจิ ต
การที่เรารู้จักรักคนอื่นได้แสดงว่าเรามีศักยภาพที่รักมนุษย์ได้แน่นอน ตัวของเราเองก็เป็น มนุษย์ที่กำลังต้องการความรักและการดูแลอยู่ในขณะนี้ เหตุใดเราจึงไม่อนุญาตให้เรารักตนเอง ชื่นชมตนเอง
5.มีบางคนที่เติบโตและเรียนรู้มาแต่ความรักที่มีเงื่อนไข
ต้องดี ต้องเก่ง ต้องทำตัวให้ถูกใจใครๆคนอื่นจึงรักเรา แต่การรักตัวเองนั้นใช้เพียงเงื่อนไขเดียวคือ คนๆนี้คือตัวเราและเป็นคนที่สำคัญกับเรามากที่สุด
เราอยากมีความสุขก็เพื่อคนๆนี้จะได้สุขมิใช่หรือ ลองถามตัวเองว่าขณะนี้ “เธอ” ต้องการอะไร หากต้องการเขากลับมาจะต้องการไปเพื่ออะไร
เพื่อให้รู้ว่ายังมีคนรัก ยังมีคุณค่า เพื่อความมั่นคงทางจิ ตใจ ต่างๆเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้เราจะให้ตัวเองได้หรือไม่ เพื่อจะได้สุขสงบและยุติทุกข์จากการพึ่งพิง
6.เมื่อใช้ตัวเองเป็นเสาหลักของชีวิตตัวเองได้แล้ว
ก็ควรหล่อเลี้ยงบำรุงตนเองบ้าง ผู้ที่ชอบซื้อของขวัญให้ใครๆก็หัน มาซื้อในตัวเองบ้าง พาตัวเองไปเที่ยวในที่ที่ชอบ พาตัวเองไปทำเรื่องที่อยากทำ
สนทนากับตนเองฉัน มิตร มิใช่วางตัวกับตัวเองเหมือนผู้ใหญ่ที่เอาแต่บ่นๆวิพากษ์วิจารณ์ตัวเอง เลี้ยงดูตนเองด้วยความรักและเข้าใจซึ่งเป็นไปได้แน่นอนเพราะไม่มีใครรู้จักเราดีเท่าตัวเราเอง
7.หลายท่านตามถึงตนจุดนี้
อาจจะบอกว่า เข้าใจ แต่ทำไม่ได้ ฟังดูง่ายแต่ทำไม่ได้จริง ก็ไม่เป็นไร ขอเชิญให้หยุดอ่านสักพักแล้วย้อนกลับไปพิจารณาใจตนเอง ว่าเราคิดอะไรอยู่
มีอะไรที่ควรทำให้เราที่จะทุกข์ต่อหรือไม่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าการที่เรายิ่งทุกข์ยิ่งทำให้เขาเป็นฝ่ายผิดมากขึ้น หรือได้ความรู้สึกเห็นใจตอบกลับมา
เลยต้องทุกข์ต่อไปก่อน ผู้ที่รักและเมตตาตนเองเมื่อตระหนักแล้วว่า เรากำลังทรมานตนเองเพื่อแลกกับอะไรบางอย่างซึ่งไม่รู้ว่าจะได้มาหรือไม่ ก็จะหยุดทำ