เราเชื่อว่าทุกคนต่างเคยทำสิ่งผิดพลาดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจหรืออาจจะไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่คนรักมักจะมองข้ามและละเลยสิ่งต่างๆเหล่านี้
ฉะนั้นคู่รักทั้งหลายควรใส่ใจถึงปัญหาและผลกระทบที่ตามมา โดยพยายามทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ร่วมกันแก้ปัญหา ก่อนที่เรื่องต่างๆจะหยั่งรากฝังลึกลงไปในความสัมพันธ์ของคุณ ซึ่งอย่าทำให้มันกลายเป็นเรื่องที่สายเกินแก้
1. ขาดความรับผิดชอบทางการเงิน
เรื่องเงินๆทองๆนี้สามารถทำให้ความสัมพันธ์ของคุณดีขึ้นหรือไม่ก็แย่ลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากปัญหาของคุณมีสาเหตุมาจากลักษณะนิสัยสะเพร่าในการจับจ่ายใช้สอยหรือความไม่ตั้งใจจริงที่จะเก็บออมเงินของคุณ
ปัญหาอื่นๆอาจตามมาได้อีก ขอเพียงแค่คุณสามารถควบคุมการเงินของตัวเองได้ เพราะสิ่งนี้อาจสร้างความขัดแย้งขึ้นในความสัมพันธ์ของคุณและแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้ใส่ใจ่ไตร่ตรองถึงการใช้จ่ายต่างๆ
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว คุณควรมีความรับผิดชอบทางการเงินที่จะทำให้คนรักที่วางแผนจะใช้ชีวิตในอนาคตร่วมกันได้มั่นใจ ในขณะที่ก็วางแผนการจับจ่ายใช้สอยของตัวเองโดยควรแบ่งส่วนหนึ่งไว้สำหรับคนที่คุณรัก
2. ไม่มีสิ่งอื่นๆให้สนใจนอпจากความสัมพันธ์ของคุณ
นี่อาจเป็นเหตุให้คุณเข้มงวดและสนใจแต่คนรักของคุณเพียงอย่างเดียว ซึ่งมันกลายเป็นตัวขัดขวางไม่ให้คุณสนใจสิ่งอื่นๆรอบข้างนอпจากความสัมพันธ์ของคุณเอง
ความคิดแบบนี้จะทำให้ตัวคุณเองไม่ได้พัฒนา อีกทั้งยังทำให้เกิดอารมณ์ด้านลบ อย่างความกลัว ความกังวล และความหวาดระแวง
วิธีที่ดีที่สุดที่จะแก้ไขนิสัยนี้คือการทำลิสต์ว่าตอนคุณโสดนั้นคุณใช้เวลาว่างเมื่อไรและอย่างไร
ลิสต์นี้จะทำให้คุณนึกถึงสิ่งที่คุณเคยชอบและสนใจ อีกทั้งยังทำให้คุณเกิดแรงบันดาลใจในการทำสิ่งอื่นๆ โดยจะทำให้แฟนของคุณมีพื้นที่ว่างให้ได้หายใจบ้าง
3. สร้างความสัมพันธ์แบบ ‘ขาดเขา’ ไม่ได้ขึ้น มา
ความรู้สึกที่ว่าเราคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขานั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับความสัมพันธ์ที่คนใดคนหนึ่งหรือทั้งคู่ไม่มีความสนใจเรื่องอื่นๆเลย
ความสัมพันธ์ประเภทนี้เป็นสิ่งแสดงให้เห็นว่าคุณเป้นคนติดแฟน เพื่อความมั่นใจและเห็นคุณค่าในตนเอง นั่นห ม ายความว่าคุณใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการมองหาความมั่นคงในชีวิต
แต่แน่นอนว่าการพึ่งพาอาศัยกันนั้นก็สามารถส่งผลดีอย่างน่าเหลือเชื่อได้เช่นกัน อย่างเช่นในด้านศิลปะ กีฬา และธุรกิจ แต่ในขณะที่คอนเซ็ปต์ทั้งหมดของความสัมพันธ์นั้น มาจากความคิดของคนสองคนที่มารวมกัน
มันจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณต้องรักษาความเชื่อมั่นในตนเองและอัตลักษณ์ตัวตนของคุณเอาไว้ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะทำให้คุณไม่ปล่อยใจไปกับคนรักของคุณมากเกินไปเพื่อที่จะยังคงเหลือที่ไว้เติมเต็มสิ่งที่ตนเองต้องการ
4. ชอบทำตัวเหมือนเป็นคนโสด
ในขณะที่ก่อนหน้านี้เราพูดถึงการยึดติดกับคนรักมากเกินไป แต่ก็ต้องจำไว้ว่าความสัมพันธ์นั้นเกิดจากความรักของคนสองคน
ที่มักจะคอยสนับสนุนเกื้อกูลกันและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นความสมดุลจึงเป็นกุญแจสำคัญ นอпจากคุณต้องคอยหลบหลุมพรางของการติดแฟนแล้ว คุณต้องจำไว้ด้วยว่าไม่ควรปฏิบัติตัวห่างเหินกับแฟน มากเกินไป เหมือนกับตัวเองยังโสดอยู่
เมื่อคุณทำตัวเหมือนโสด โดยไม่ได้คำนึงถึงคนรักของคุณ มันเหมือนกับคุณไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขาและไม่เคารพความรู้สึกของตัวเอง
ให้จำใส่ใจไว้เลยว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์นี้และเพลาๆการใช้ชีวิตแบบคนโสดลงมาหน่อย
5. เป็นคนขาดความมั่นใจและเซนซิทีฟมากเกินไป
เราทุกคนต่างมีช่วงเวลาที่รู้สึกเศร้า ไม่มีค่า หรือหดหู่ใจ นี่จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อทัศนคติและพฤติกรรมของเรา ความรู้สึกเหล่านี้สามารถทำลายความสัมพันธ์ของคุณได้
เพราะคนรักของคุณก็จะได้รับผลกระทบทางด้านลบมาด้วยและความรู้สึกเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกว่าความสัมพันธ์ไม่มั่นคงและมีความรู้สึกอิจฉา
ไม่ว่าแฟนของคุณจะรักคุณมากเท่าไร เขาก็ไม่สามารถรับมือกับความรู้สึกเหล่านี้ของคุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพฤติกรรมของเขาไม่ได้รองรับอารมณ์เหล่านี้ของคุณ
ความรู้สึกจำพวกนี้น่าจะมาจากความสัมพันธ์อันล้มเหลวในอดีต แต่มันสำคัญที่ว่าคุณยังคงจำมันได้แต่พยายามอย่างหนักที่จะลบล้างมัน
การที่จะตระหนักได้ว่าปัญหานี้เป็นของคุณและมันจะประเมินค่าความสัมพันธ์อย่างตรงไปตรงมา คุณต้องเริ่มใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน มากกว่าอยู่กับอดีตที่ไม่น่าจดจำซึ่งมักจะตามห ล อ กหลอนคุณมาตลอด
6. ไม่ค่อยแสดงความรัก
ไม่ใช่ทุกคนที่เกิดมาอย่างเท่าเทียม และในขณะที่ใครบางคนนั้นเป็นที่รักของทุกคน ใครบางคนกลับพยายามอย่างหนักที่จะแสดงความรู้สึกผ่านการสัมผัสหรือความใกล้ชิดทางกาย
เพราะถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ ความสัมพันธ์ของคุณจะเป็นเรื่องน่าเ บื่ อหน่ายและกลลับกลายเป็นว่าสถานะอาจจะลดลงมาเป็นแค่เพื่อน
โดยที่แฟนของคุณจะรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความรักจากคนรักและอาจจะรู้สึกว่าตนเองนั้นไร้ค่า
การจูงมือหรือการกอดเป็นวิธีง่ายๆที่จะแสดงออกถึงความรักใคร่โดยไม่มีความสัมพันธ์ทางกายมาเกี่ยวข้อง
หากว่าคุณจะไม่ชอบการแสดงความรักในที่สาธารณะ แต่คุณก็สามารถให้เห็นว่าคุณรักแฟนของคุณมากแค่ไหนในสถานที่ส่วนตัวๆก็ได้นี่นา
7. ขี้บ่น ขี้วิจารณ์
การบ่นหรือวิจารณ์แฟนของคุณมากเกินไปสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของคุณแย่ลงได้ ไม่ว่าคุณสองคนจะรู้จักกัน มานานแค่ไหนหรือแคร์กัน มากเท่าไร
มัน มีหลายเหตุผลมากที่จะทำเกิดการบ่น การวิจารณ์ แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือมันจะเป็นตัวผลักดันในด้านลบให้มุ่งสนใจแต่ว่าเขาคนนั้น ‘ไม่ทำอะไร’
มากกว่าคำนึงถึงสิ่งดีๆที่เขาทำให้แก่ความสัมพันธ์นี้ มันยังเป็นต้นเหตุของความรู้สึกไม่พอใจ ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่ด้วยกัน หรือแม้แต่พ่อแม่กับลูกเองก็ได้
เมื่อเวลาผ่านไป ก็จะทำให้การสื่อส า รของคนสองคนไม่เป็นผล โดยคนๆหนึ่งมักจะเรียกร้องขออะไรก็ตาม โดยอีกคนหนึ่งก็จะเพิกเฉยไม่สนใจไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น มันจึงสำคัญมากที่จะแก้ปัญหานี้
ก่อนที่มันจะหยั่งรากลึกและฝังแน่นอยู่กับความสัมพันธ์ของคุณ ดังนั้นพยายามจัดการกับปัญหาโดยใช้คำพูดดีๆเมื่อต้องการให้สิ่งที่ต้องการสำเร็จหรือดีขึ้น อีกทั้งยังควรแสดงความเห็นอпเห็นใจและให้เวลาคนรักของคุณได้โต้ตอบบ้าง
8. แสดงถึงความไม่ใส่ใจและไม่มีทักษะในการสื่อส า รที่ดี
ก่อนหน้านี้ที่เราพูดถึงการไม่แสดงออกถึงความรักใคร่เป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์นั้น เรื่องนี้ก็เช่นกัน หากมีคนใดคนหนึ่งไม่สนใจอีกคน
หรือไม่ก็ไม่ใส่ใจที่จะแสดงความคิดหรือคำพูดและความรู้สึกใดๆออกมา ความสัมพันธ์ของคนสองคนจะดำเนินไปได้อย่างไร
การที่ปัจจุบันคนเราติดอยู่กับเทคโนโลยีทำให้ประเด็นนี้เป็นที่น่าจับตามองมากขึ้น เนื่องจากคู่รักใช้เวลาอัน มีค่าของพวกเขาห ม กมุ่นอยู่กับการเล่นโซเชียลและสื่อออนไลน์ต่างๆมากกว่าพูดคุยกับคนรักของตัวเอง
แต่การที่เราคำนึงถึงปัญหานี้ได้ถือเป็นก้าวที่ดีสู่การแก้ปัญหาต่อไป จากจุดๆนี้ คุณสามารถพยายามไปด้วยกัน ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน มากขึ้น
โดยไม่มีเทคโนโลยีหรือสิ่งต่างๆมารบกวน เพราะคุณจะสามารถพูดคุยกันได้อย่างเต็มที่ เราควรเลิกใช้เทคโนโลยีเหล่านี้บ้าง อย่างเช่นตอนรับประทานอาหาร มันจะทำให้คุณมีโอกาสได้พูดคุยกับคนที่คุณรักและได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ
9. เป็นคนไม่ซื่อสัตย์
มีคนเคยพูดว่าเราทุกคนต่างต้องเคยโกหกกันสักครั้ง ไม่ว่าจะเพื่อบิดเบือให้คนอื่นเข้าใจผิดหรือปกปิดสิ่งที่ตนเองทำผิดพลาด โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นการโกหกเล็กๆ ไม่สำคัญอะไรเท่าไร
แต่มันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้าใจได้ว่าการโกหกเป็นการกระทำที่ถูกบีบบังคับให้ทำ ซึ่งควบคุมได้ยากและเป็นเหตุให้ความสัมพันธ์ถูกทำลายได้ง่ายดาย
ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นจากการนอпใจหรือปกปิดเรื่องผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ การโกหกอย่างต่อเนื่องจะเริ่มทำให้คุณติด และพฤติกรรมนี้จะเริ่มสร้างความไม่ไว้เนื้อเชื้อใจกันและทำลายความสัมพันธ์ของทุกคนลงเรื่อยๆ
การแก้ปัญหานี้ที่ดีที่สุดคือ คุณต้องซื่อสัตย์และไว้ใจในคำมั่นสัญญาหรือข้อผูกมัดต่างๆที่มีให้ไว้กับคนรักของคุณ คนที่คุณรักจะให้อภัยในสิ่งที่คุณได้ทำผิดพลาดไป
หากคุณกล้ายอมรับและซื่อสัตย์กับเขา ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ควรทำหากคุณอยากมีความสัมพันธ์ที่จริงจังและยาวนาน
แต่ถ้าคุณไม่สามารถทำอย่างที่กล่าวมานี้ได้ คุณก็ไม่พร้อมที่จะมีความรักกับใครหรือไม่สามารถให้ความสำคัญกับคนอื่นเป็นอันดับแรกได้
10. ยอมคล้อยตามแรงกดดันและการถูกบีบบังคับมากเกินไป
แย่หน่อยที่การโกหกเป็นเพียง ‘หนึ่ง’ในหลายๆพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากแรงกดดันโดยมันสามารถทำลายความสัมพันธ์ของคุณได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือผลของความทุกข์ใจและความขุ่นเคืองใจภายในความสัมพันธ์
ซึ่งเกิดจากการที่เราทำอะไรตามใจเพื่อหาความสบายใจและการปลอบใจตนเอง โดยมีหลายทางที่ใครหลายคนแสดงออกมาแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของช้อปปิ้ง เล่นการพ นั น หรือการทานอาหารมากเกินไป
พฤติกรรมเหล่านี้ยังแสดงถึงการขาดการเอาใจใส่คนรักและความสัมพันธ์ของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณไม่สามารถแชร์ความรู้สึกลึกๆข้างในให้ใครฟังได้จึงทำให้เกิดการกระทำข้างต้น
เพราะฉะนั้นคุณควรเปิดใจรับความเสี่ยงต่างๆและสื่อส า รออกมาให้คนรักของคุณได้รับทราบ โดยหากคุณได้ช่วยกันแก้ปัญหาต่างๆร่วมกัน คุณทั้งสองคนจะก็กลายเป็นคู่รักที่เข้มแข็งและมั่นคงมากกว่าเดิม