ข้อคิดสอนใจ

เหตุผลสำคัญที่ทำให้คู่รักต้องเลิกรา

แต่เพราะการตัดสินใจเลิกกันนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ หลายคน มีความรู้สึกจากสัญชาตญาณลึก ๆ ว่าอย่างไรก็ไปกันไม่รอดแน่นอน

แต่ก็มองข้ามสัญญาณเตือนเหล่านั้นไปเพราะยังลังเล ยังไม่กล้าพอ กลัวเป็นโสดแล้วเหงา ฯลฯ แต่การฝืนตัวเองให้ทนอยู่ในความสัมพันธ์

ที่รู้ดีว่าสักวันต้องเลิกกันแน่ ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องดีต่อฝ่ายไหนเลย

1. มองไม่เห็นอนาคตร่วมกัน

ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ความฝัน การย้ายที่อยู่ในอนาคต หรือมุมมองชีวิตด้านต่าง ๆ

มันแน่อยู่แล้วที่คนสองคนจะมีความคิดเห็นและจุดมุ่งห ม ายที่ต่างกัน แต่ความต่างนั้นสามารถอยู่ร่วมกันได้หรือเปล่า

แผนการที่วางไว้คิดเผื่อคู่ของคุณด้วยหรือเปล่า และถ้าหากความต้องการขัดแย้งกัน ใครคนใดคนหนึ่ง

จะยอมลดความเป็นตัวเองลงมาให้อีกฝ่ายได้หรือเปล่า คุณสองคนสามารถเปิดใจหารือ กันถึงความเป็นไปได้บ้างไหม

จำไว้ว่าความรักที่ดีคือความรักที่คุณมีแล้วไม่อึดอัด ไม่เป็นทุกข์กับตัวเลือ กที่คุณสองคนต้องเลือ กด้วยกัน

2. สิ่งที่คุณทำไม่เคยดีพอสำหรับเขา

หากคุณรู้ตัวว่าพยายามทำอย่างเต็มที่แล้วให้เขามีความสุข แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างนั้น ก็เป็นไปได้ว่าคุณกำลังทุ่มเทให้ผิดคน

และมันไม่ใช่ความผิดของคุณที่เขาไม่เห็นค่าในสิ่งที่คุณทำให้ แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ลองเปิดอ กคุยกันด้วยเหตุและผลดูก่อน

บางทีเขาอาจกำลังงานยุ่ง เครียด มีปัญหาร้อยแปดให้กังวล ทำให้เขามองข้ามความใส่ใจของคุณไปบ้าง หากเขายังแคร์คุณอยู่

การบอ กความรู้สึกของคุณออ กไปอย่างไม่งอแงดราม่า ก็จะทำให้เขาเข้าใจและหันกลับมาแก้ไขได้ แต่หากคุยแล้วอีกฝ่ายยังเหมือนเดิม ก็เตรียมใจไว้ดีกว่า

บอ กตัวเองเสมอว่าก่อนรักใครต้องรักตัวเองก่อน ดังนั้นอย่าทำร้ า ຢจิ ตใจตัวเองด้วยการฝืนทนต่อไป

3. หาข้อดีของเขาให้พูดถึงไม่เจอ

ลองสมมติว่าใครสักคนถามคุณว่าเขามีข้อดีอะไรบ้าง ทำไมคุณถึงคบกับเขา แล้วไล่คำตอบออ กมาเป็นข้อ ๆ ดู

มันเป็นเรื่องธรรมดาของการคบกัน มาสักระยะหนึ่งที่ตอนแรก ๆ คุณอาจลิสต์ข้อดีออ กมาได้เป็นสิบ ๆ ข้อ นานวันเข้าข้อดีก็น้อยลงเพราะเห็นตัวจริงกัน มากขึ้น

แต่อย่างน้อยคนที่คุณเลือ กก็ไม่ควรมีแต่ข้อเสีย ให้คุณพูดหรือบ่นถึงตลอดเวลา เพราะนั่นเป็นสัญญาณของการไม่มีความสุขในความสัมพันธ์แล้วล่ะ

4. ທະ เลาະกันบ่อยจนเคยชิน

เป็นเรื่องธรรมดาที่คู่รักต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่อย่าลืมว่าความสัมพันธ์ที่ดีก็ควรมีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน

มากกว่าທະ เลาະกัน ถ้าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ กลายเป็นชนวน ให้ທະ เลาະแล้วบานปลายเป็นเรื่องใหญ่นั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดีแน่

แต่ก่อนปักใจว่าต้องเลิกกัน ต้องมั่นใจก่อนว่าคุณทั้งคู่ ได้พยายามคุยกันอย่างมีเหตุผล พยายามใจเย็น ไม่เอาแต่อารมณ์

และอยู่กับปัจจุบัน มากกว่าขุดเรื่องในอดีตขึ้น มาพูด หากพยายามกันอย่างที่สุดแล้วแต่ไม่มีใครยอมใคร ก็คงถึงคราวต้องตัดใจ

5. คุณรู้สึกซึมเศร้าและร้องไห้บ่อย

อาการซึมเศร้าเป็นสัญญาณเตือนที่แน่ชัด ว่าอะไรบางอย่างในชีวิตคุณต้องการการเปลี่ยนแปลง

บางทีอาจเป็นช่วงมรสุมชีวิตที่หลาย ๆ อย่างรุมเร้าเข้ามาพร้อมกัน ลองลิสต์สิ่งที่บั่นทอนจิ ตใจคุณออ กมาเป็นข้อ ๆ

แล้ววิเคราะห์สาเหตุของปัญหาเหล่านั้นดู หากมีหลายเรื่องที่เกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ของคุณ ก็คงได้เวลาก้าวออ กมาเสียที

อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความทุกข เพราะคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใครได้นอ กจากตัวคุณเอง

6. พวกคุณไม่ได้เจอ กันบ่อยเท่าที่ควร

มีคู่รักหลายคู่ที่ยังคบกันรอดแม้ว่าต้องอยู่ไกลกัน โดยได้เจอ กันแค่ปีละไม่กี่ครั้ง แต่ก็ใช่ว่าทุกคู่ จะสามารถประคับประคองความสัมพันธ์ทางไกลได้

ในกรณีที่อยู่ไกลกันคงต้องขึ้นกับการตกลงกัน ตามแต่สถานการณ์ของแต่ละคู่ หากคุณยอมรับได้

และไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรู้สึกถูกเอาเปรียบ ต้องเป็นฝ่ายทุ่มเทไปหาอีกฝ่ายตลอดเวลาจนท้อใจก็เป็นเรื่องที่ดี

แต่สำหรับคู่ที่ไม่ได้อยู่ห่างไกลกันขนาดนั้นแต่กลับไม่ค่อยได้เจอเขา เพราะข้ออ้างต่าง ๆ นานานั้น จริงอยู่ว่าการคบหากัน

อาจไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอด แต่ความถี่ของการเจอ กันก็ไม่ควรทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

รู้สึกลำบากใจอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าคุณสองคนตกลงกันว่า จะเจอ กันอาทิตย์ละครั้งหรือเดือนละครั้งแล้วคุณรับได้ก็ไม่มีปัญหา

แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกเหนื่อยเพราะเป็นฝ่ายพยายาม เจอเขาอยู่ฝ่ายเดียวแล้วล่ะก็ นั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดีแล้วล่ะ

7. คุณแ อ บมีกิ๊ก

ข้อนี้คงแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มแ อ บมีกิ๊ก มันแปลว่าความสัมพันธ์ของพวกคุณเริ่มสั่นคลอนแล้วล่ะ

แม้บางคนอาจจะไม่ได้มีกิ๊กเป็นตัวเป็นตน แต่ถ้าคุณเริ่มเฟลิร์ตใส่เพื่อนร่วมงานแล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวย

รู้สึกพิเศษพอเขาเฟลิร์ตกลับมาด้วย แบบนี้ก็ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณแฮปปี้กับการเฟลิร์ต

มากกว่ากับแฟนตัวจริงของคุณ การเฟลิร์ตไปมาทำให้เรารู้สึกพิเศษ รู้สึกได้รับความสนใจ

แต่ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ เป็นเพราะแฟนคุณไม่ให้ความสนใจคุณ มากพอหรือเปล่า หรือแค่เพราะคุณเ บื่ ວอยากหาความตื่นเต้นให้ชีวิต

ลองนั่งทบทวนคุยกับตัวเองอย่างตรงไปตรงมาดู ปัญหาในความสัมพันธ์มีไว้ให้แก้ไขไปด้วยกัน แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็โบกมือลากันเสียแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า

8. คุณไม่เชื่อใจเขา

รากฐานของความสัมพันธ์คือความเชื่อใจ ดังนั้นเมื่อใดที่คุณรู้สึกไม่มั่นใจ มีคำถามในใจ

ว่าคุณเชื่อใจผ ช.คนนี้ได้ไหม ก็มีโอ กาสสูงว่าความสัมพันธ์ของคุณอยู่ในจุดเสี่ยง

การไม่เชื่อใจกันเป็นบ่อเกิดของปัญหาทั้งหลาย ก่อให้เกิดความหวาดระแวง ที่นอ กจากจะทำให้ตัวคุณเอง

ตกอยู่ในความคิดแง่ลบทั้งหลายแล้ว มันอาจแสดงออ กมาเป็นอาการหึงหวงเกินเหตุ

และในที่สุดอีกฝ่ายก็รู้สึกเหมือนโดนจับตามอง ไม่เป็นอิสระ และไม่มีความสุขในที่สุด

ดังนั้นสาว ๆ ถ้าสงสัยในพฤติกรรมของแฟน จงเปิดใจถามอย่างตรงไปตรงมาไม่ดราม่า

เคลียร์ให้จบไปเป็นเรื่อง ๆ และเชื่อในสิ่งที่เขาพูด หากคุณทำได้ก็ยินดีด้วยแสดงว่าคู่ของคุณได้ไปต่อ

แต่ถ้าพยายามเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น ยังหวาดระแวง ไม่เชื่อใจเขาอยู่ดีก็ควรตัดใจแล้วเดินออ กมาซะก่อนที่อะไร ๆ จะแย่ลงไปกว่าเดิม

9. เมื่อคุณเริ่มโกหกกับเขา

การเริ่มโกหกไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตามถือเป็นจุดเริ่มต้น ที่นำมาซึ่งเรื่องโกหกอื่น ๆ อีกในอนาคต

และตัวคนโกหกเองนั่นแหละที่จะมีความทุกข์ เพราะต้องคอยแต่งเรื่องที่ไม่จริงมาพูดเสมอ

หากโกหกเพื่อปกปิดความผิดสักวันความผิดนั้นก็จะปรากฎ สู้ยอมรับกับเขาไปเลยดีกว่าแล้วเคลียร์ปัญหาให้จบสิ้นไป

ไม่ต่างจากการโกหกเพื่อปิดบังตัวตนที่แท้จริง แรก ๆ คุณอาจโอเคที่ต้องโกหกเล็กน้อยอย่างเพื่อให้เขาชอบหรือประทับใจ

แต่นานวันเข้าตัวตนที่แท้จริงของคุณจะเปิดเผยออ กมา แล้วต่างฝ่ายก็ต้องผิดหวัง ดังนั้นซื่อสัตย์และเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด

แต่ถ้ารู้ว่าพูดความจริงหรือแสดงธาตุแท้ออ กไปแล้วมันไม่ใช่แน่ ๆ ก็อย่าฝืนตัวเองเลย

10. คุณบอ กตัวเองว่า “รอจน…. แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”

ไม่ว่าจะรอมีบ้าน รอจน มีลูก รอจนได้เงินเดือนเยอะขึ้น ฯลฯ ที่คุณคิดว่ามันจะช่วยให้ปัญหาความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ดีขึ้น

นี่เป็นสัญญาณไฟแดงแปร๊ดให้คุณควรหยุดคิดทบทวนให้มาก ๆ ก่อนจะก้าวเดินต่อไปกับรักครั้งนี้

เพราะเมื่อคุณเริ่มหวังพึ่งความเปลี่ยนแปลงในอนาคต ให้เปลี่ยนรักของคุณให้ดีขึ้น แสดงว่าคุณหมดหวังกับปัจจุบันแล้ว

แต่คุณแค่ยังไม่กล้าพอที่จะหยุดมัน ตัวอย่างเช่น เขาเจ้าชู้หนักมาก ออ กเที่ยวทุกคืน แต่คุณยังรักเขา

ไม่อยากเสียเขาไปตอนนี้ คุณเลยคิดว่าเดี๋ยวถ้าแต่งงาน มีลูกกันเขาคงจะทำตัวเป็นพ่อที่ดีแล้วปัญหาต่าง ๆ ก็จะหมดไป

แต่ต้องอย่าลืมว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนใจใครได นอ กจากตัวเขาอยากเปลี่ยนเอง

meko

Share
Published by
meko