พ่อแม่เปรียบเหมือนพระอรหันต์ในบ้านนั้นห ม ายความว่า เป็นผู้ที่บุตรและธิดาควรสักการะบูชาด้วยข้าวน้ำและสิ่งของต่างๆ
เพราะมารดาบิดาผู้มีพระคุณต่อลูกๆคือท่านให้ชีวิต แสงของโลกใบนี้และให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ลูกๆ
ดังนั้น มารดาบิดาจึงเป็นผู้ควรแก่ทักษิณา ควรแก่ตอบแทนสำหรับลูกทั้งหลายที่ต้องทำมารดาบิดาเป็นบุพการี คือ เป็นผู้ที่กระทำ
อุปการะเลี้ยงดูบุตรมาก่อน กล่าวได้หลายนัยว่ามารดาบิดาเป็นพรหมของบุตรมารดาบิดาเป็นเทวดาของบุตรมารดาบิดาเป็นครูคนแรกของบุตรมารดาบิดาเป็นอาหุเนยยบุคคลของบุตร
มารดาบิดาเป็นบุคคลผู้ที่ควรได้รับการเลี้ยงดูการเอาใจใส่ดูแล การให้ความสะดวกสบายการให้ความอบอุ่นทั้งทางกายและทางใจ
มนุษย์เราทุกคนนั้นต่างก็เกิดมามีพ่อและแม่ด้วยกันทั้งนั้นซึ่งพ่อแม่นั้นถือว่าเป็นบุคคลที่ดูแลและเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เราอยู่ในครรภ์คอยฟูมฟักทะนุถนอมเราดั่งไข่ในหิน
เพื่อให้เราลืมตามาดูโลกพระคุณของพ่อแม่นั้นจึงยิ่งใหญ่สุดจะหามิได้เพราะฉะนั้นเราจึงเปรียบพ่อแม่เป็นดั่งพระอรหันต์ในบ้านเพราะท่าน มีจิ ตใจอันบริสุทธิ์ต่อลูกไม่เคยคิดร้ า ยหรือ กระทำสิ่งไม่ดีให้แก่ลูกอันเป็นที่รัก
ในฐานะคนที่เป็นลูก ควรที่จะเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ไม่แสดงท่าทีต่อต้านหรือประพฤติปฏิบัติตัวไม่ดีกับพ่อแม่เพราะในตอนที่ท่านยังอยู่กับเรานั้น
เราควรทำให้ท่านสบายใจ เพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณท่านอย่างไรแล้วนั้น ในตอนที่ท่านนั้นยังมีชีวิตอยู่ทำดีกับท่านไว้เทอญ หากเป็นลูกชายก็ให้ทดแทนบุญคุณท่านด้วยการบวชทดแทนบุญคุณ
หากเป็นลูกสาวก็หมั่นดูแลงานบ้านงานเรือนให้พ่อให้แม่ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนต่างต้องการจากลูกให้สมกับที่ท่านคอยเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เล็กจนโตเพียงเท่านี้เชื่อสิว่า
พ่อแม่นั้นท่านก็จะมีความสุขมากๆแล้ว สุดท้ายชีวิตของท่านก็จะสุขสงบ ใช้ชีวิตไปยันแก่เฒ่าอย่างสบายใจพูดกันบ้านๆเลยว่า จากไปก็ตาหลับได้