ข้อคิดสอนใจ

5 สิ่งที่ต้องคิดให้ดีเมื่อคิดจะ “อยู่ก่อนแต่ง”

“อยู่ก่อนแต่ง” มีข้อดีในแง่ของการได้เรียนรู้ในตัวกันและกันก่อนตัดสินใจจะมีชีวิตคู่ร่วมกันไปตลอดชีวิต แต่ก็มีสิ่งที่ต้องคิดทวบทวนให้ดีก่อนจะขนข้าวขนของเข้ามาอยู่ด้วยกัน

ย้ายเข้าต้องพร้อมย้ายออ กตลอดเวลา

ขึ้นชื่อว่าความรัก ความสัมพันธ์ วิธีนี้รักและอยากลอง “อยู่ก่อนแต่ง” แทบลงแดง แต่ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าวินาทีต่อไปเราจะທະ เลาະและเลิกรากันหรือไม่

ถ้าທະ เลาະตอนเป็นแฟนแล้วยังไม่ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันก็อีกเรื่อง แต่การที่อยู่ด้วยกันแล้วທະ เลาະกัน ย่อมสุ่มเสี่ยงที่จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไล่อีกฝั่งหนึ่งไปจากสถานที่ที่ตกลงกัน

ดังนั้นถ้าพร้อมย้ายเข้า แต่อะไรที่จำเป็นก็ต้องพร้อมย้ายออ ก เช่น ตกลงกันให้เข้าใจตั้งแต่แรกเลยว่าถ้าวันหนึ่งเราທະ เลาະกันจน มีใครทนไม่ไหว

คอนโดที่เช่าร่วมกันจะต้องทำอย่างไร? ใครจะเป็นอยู่ต่อใครจะเป็นคนไป? นี่ไม่ใช่การมองโลกในแง่ร้ า ຢ แต่เป็นการมองโลกตรงกับความเป็นจริงและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ

เรื่องค่าใช้จ่ายคุยกันให้ดีก่อนย้ายเข้า

ตอนยังไม่ “อยู่ก่อนแต่ง” การหารกันหรือผลัดกันออ กค่านู่นค่านี่ก็เข้าใจได้ แต่เมื่อเราจะย้ายมาอยู่ด้วยกัน ค่าใช้จ่ายในการอยู่ร่วมกัน มัน มีมากมายเกินกว่าที่เราคิด ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าที่พักก็ต้องแบ่งให้ชัด

ไหนจะของใช้ในบ้านที่เราเคยใช้มาคนเดียว แรก ๆ เราก็อาจคิดว่าก็แค่แชมพู สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม ยาล้างห้องน้ำ น้ำยาล้างจาน ขน มในตู้เย็น ฯลฯ

แต่เมื่อคนสองคนอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันนานเข้า ๆ ค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้นี่เองที่จะพอ กพูน จนถ้าไม่แบ่งให้ชัดว่าหารกันแบบไหน อาจจะต้องผิดใจกันด้วยเรื่องพวกนี้

หน้าที่ความรับผิดชอบแบ่งกันให้เรียบร้อย

อะไรที่เคยทำร่วมกันตอนแยกกันอยู่ก็ดูสวยงามไปหมด “จานกองนี้เราช่วยล้างนะ เธอจะได้ไม่เหนื่อย”, “เดี๋ยวเราทำกับข้าวให้กินนะ”, “มาเดี๋ยวเราตากผ้าเอง”

ทั้งหมดนี้คือ กิจกรรมที่ตอนยังไม่ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันเราทำร่วมกันไม่บ่อยมาก แต่เมื่อต้องลองอยู่ก่อนแต่ง

กิจกรรมพวกนี้คืองานบ้าน คือความรับผิดชอบที่มนุษย์สองคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะถ้าให้ใครคนใดคนหนึ่งทำมันจะเป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก

ดังนั้นควรตกลงกันให้เข้าใจตั้งแต่ก่อนย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันว่าใครซักผ้า ใครล้างจาน ใครทำความสะอาดห้อง ใครซื้อของเข้าบ้าน

ถ้าตกลงให้ลงตัวตั้งแต่ต้นจะไม่เกิดปัญหาภายหลังแน่นอน (หรือถ้าเกิดก้ไม่ได้เกิดจากการเกี่ยงกันว่าใครต้องทำอะไรแน่ ๆ )

ย้ายเข้า ไม่ได้แปลว่าตัวติดกัน

แม้การตกลงทดลอง “อยู่ก่อนแต่ง” จะห ม ายถึงว่าเราอยากลองจริงจังกับคนนี้มาก ๆ แต่มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง ดังนั้นการย้ายมาลองอยู่ด้วยกันไม่ได้ห ม ายความว่า

เรากับแฟนจะต้องตัวติดกันตลอดเวลาที่ไม่ได้ไปทำธุระหรือทำงาน ควรตกลงกันตั้งแต่ต้นว่าวันไหน เวลาไหนที่เราต้องการพื้นที่ส่วนตัว

บางทีเราอาจอยากไปเดินเล่นสูดอากาศ บางทีเขาอาจอยากเจอเพื่อนแบบที่ไม่มีเราไปด้วย ระยะห่างที่พอดีจะทำให้การย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน ราบรื่นขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

เราคาดหวังอะไรจากการลองอยู่ด้วยกันครั้งนี้

“อยู่ก่อนแต่ง” ไม่เหมือนการขอแค่ย้ายเข้ามาใช้ชีวิตร่วมกัน แล้วใครอยากไปตอนไหนก็ไป การตัดสินใจทดลองอยู่ร่วมกัน ก็เหมือนช่วงทดลองงาน

เราควรคุยให้เข้าใจว่าเราคิดตรงกันหรือไม่ เรามีเป้าห ม ายว่าอย่างไร เช่น ถ้ามันอยู่กันรอด เราลองทบทวนเรื่องแต่งงานดูมั้ย หรือ เราอยากลองสักหนึ่งปีนะ แล้วหลังจากหนึ่งปี เรามาคุยกันดีไหมว่าควรทำอย่างไรต่อ

ไม่ว่าเป้าห ม ายของการทดลองอยู่ก่อนแต่งจะเป็นไปเพื่ออะไร เพื่อแต่งงาน เพื่อทำความรู้จัก เพื่ออยากใกล้กัน มันไม่มีอะไรผิดหรือถูก

แค่ระหว่างเรากับหวานใจของเราต้องเข้าใจตรงกันตั้งแต่แรก ไม่ใช่เราคิดเอาเองว่าลองอยู่เพื่อรอแต่งงาน ส่วนเขาคิดว่าแค่อยู่ไปก่อนจะได้หารค่าห้องกัน ไม่เช่นนั้นเป้าห ม ายที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวจะทำทุกอย่างพังทลาย

การ “อยู่ก่อนแต่ง” มีหลากหลายเหตุผล ไม่ได้ห ม ายถึงแค่การมีอะไรกันก่อนแต่งงานเท่านั้น แต่ห ม ายถึงการได้ลองใช้ชีวิต ได้ทำความรู้จัก ได้เรียนรู้ตัวตนกันและกัน

เพราะชีวิตที่เป็นแฟนกันนอนค้างคืนแค่ตอนที่ไปเที่ยวแล้วชีวิตหอมหวานนั้น เราไม่อาจบอ กได้เลยว่าผ ช.ตรงหน้าเราเป็นคนอย่างไร

สะอาดไหม รู้จักรับผิดชอบหรือเปล่า หรือเขารับตัวตนเราได้ไหม ดังนั้นคิดทบทวนให้ดี ถ้าอยากรู้จักใครสักคนให้ลึกซึ้งก่อนจะย้ายมาอยู่ด้วยกัน

meko

Share
Published by
meko