พูดถึงการแต่งงานทีไรในหัวของสาว ๆ หลายคนก็เหมือนจะถูกเคลือบด้วยสีชมพูหวานแหววชวนให้ล่องลอยราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในนิทานโดยมีเราเป็นเจ้าหญิงแสนสวยผู้ที่จะต้องมีความสุขตลอดไป
แต่ชีวิตจริงไม่เหมือนนิทาน ก่อน “แต่งงาน” นอ กจากภาพสวยหวานที่เราฝันแล้ว ยังมีเรื่องที่ต้อง“คิดให้ดีก่อนแต่งงาน”เอาไว้ เพื่อเตรียมตัวรับมือได้อย่างมืออาชีพและไม่สติแตกหากชีวิตแต่งงานไม่เป็นอย่างที่เราเคยฝันหวานไว้
เราแต่งงานกับครอบครัวเขาด้วย
เรื่องต้น ๆ ที่สาว ๆ ต้อง “คิดให้ดีก่อนแต่งงาน” คือ การที่เราต้องระลึกไว้เสมอว่าทันทีที่เราแต่งงานความรักที่เราเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน มันจะไม่ได้มีแค่เราสองคนอีกต่อไป
เอาแค่พิธีการในงานแต่งที่เราต่างรู้ดีว่า ผู้ใหญ่บางคนที่ขึ้น มาคล้องพวงมาลัยเราอาจไม่ได้รู้จักเลย อยากจัดงานเล็ก ๆ เท่านั้น
แต่การแต่งงานคือ การนำเอาครอบครัวของเราและของเขามาดิงเป็นหนึ่งเดียว คิดให้ดีว่าเรารับได้ไหม รับได้แค่ไหน หรืออะไรที่ห้ามล้ำเส้นเด็ดขาด
อาจต้องตกลงกับว่าที่สามีไว้คร่าว ๆ แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน มาก อย่าลืมใช้สติในการพูดคุย ห้ามใช้อารมณ์มาตัดสินเด็ดขาด
ชีวิตจริงทุกวัน ไม่เหมือนตอนไปเที่ยวกัน
ก่อนแต่งงานเราอาจเคยไปค้างต่างจังหวัดกับว่าที่เจ้าบ่าวมาบ้าง แต่การไปค้างกันไม่กี่คืนหรือเป็นอาทิตย์ในสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกอย่างสวยงาม
ไม่อาจมาเห ม ารวมได้ว่าการอยู่ด้วยกันทุกวันจะราบรื่น อะไรที่เป็นรายละเอียดในการใช้ชีวิตที่เราคิดว่าเขาต้องรู้ และเข้าใจเรา
เขาอาจไม่เข้าใจเราเสมอ กัน และบ้านที่ต้องตื่น มาเจอหน้าคนอีกคนทุกวัน มันอาจไม่ได้หอมหวานเหมือนตอนไปเที่ยว ดังนั้น มีอะไรค่อยพูดค่อยจาให้เข้าใจ และอย่าลืมตกลงกันให้รู้เรื่องว่าเรื่องไหนที่เราจะไม่ทนเด็ดขาด
เรื่องเงินเรื่องใหญ่ ตกลงกันไว้ให้ดี
เรื่องเงินอาจเคยเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับตอนเป็นแฟนกัน แต่หลังแต่งงาน และการย้ายมาอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน ย่อมมีรายละเอียดมากมายที่เราต้องใช้เงินร่วมกัน
ค่ากับข้าวแต่ละมื้อ ค่าของใช้ในบ้าน ค่าซ่อมบำรุง หรือแม้แต่ใครจะนั่งรถใครไปทำงาน แรก ๆ มันก็อาจจะผ่าน ๆ ไป เหมือนไม่มีใครได้ใครเสีย
แต่ถ้าภายหลังมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดคิดขึ้น มา สุดท้ายจะกลายเป็นเรื่องบาดห ม างครั้งใหญ่ ดังนั้นอย่าปล่อยให้เรื่องไม่เป็นเรื่องต้องกลายเป็นปัญหา แบ่งกันให้ชัดว่าใครรับผิดชอบค่าอะไร ส่วนไหนคือส่วนเก็บร่วม ส่วนไหนคือเงินส่วนตัวที่ห้ามก้าวก่าย
พื้นที่ส่วนตัวก็เป็นเรื่องสำคัญ
แม้ก่อนแต่งงานเราจะคิดว่า ไม่มีทางที่เราจะเ บื่ ວคุณสามีของเราหรอ กน่า แต่ชีวิตการแต่งงานไม่ได้ยาวนานแค่หลักเดือนหรือหลักปี เราต้องอยู่กันไปตลอดชั่วชีวิตนี้
แรก ๆ เรื่องพื้นที่ส่วนตัวอาจดูไม่สำคัญสำหรับข้าวใหม่ปลามัน แต่ในฐานะมนุษย์เราทุกคนล้วนต้องการพื้นที่ให้ตัวเองได้ครุ่นคิด
ทบทวนและอยู่กับตัวเอง อาจลองคุย ๆ กันไว้ว่าปีละครั้งแต่ละคนอาจมีเวลาไปเที่ยวชาร์จพลัง หรือทุกวันไหนของสัปดาห์เป็นวันที่ให้เราไปช็อปปิ้งให้หนำใจ เวลาส่วนตัวเล็ก ๆ แต่รับรองว่ามีความห ม ายต่อคุณภาพชีวิตคู่อย่างที่เราคาดไม่ถึง
ลูกจะมีไหม อะไรที่เราฝัน
เราจะคิดเอาว่าว่าที่เจ้าบ่าวของเราจะคิดตรงกันไม่ได้ บางทีเราเป็นสาวแกร่งที่อยากทำงานไปเรื่อย ๆ เก็บเงินดูแลกันแบบไม่อยากมีลูก หรือบางทีเราเองดันเป็นฝ่ายอยากมีพยานรักแต่เขาไม่อยาก
สิ่งนี้ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่การคุยกันเรื่องลูกหลังแต่งงานอาจไม่ดีแน่ เราควรคุยกับว่าที่เจ้าบ่าวเราให้ชัดว่าเราคิดเรื่องการวางแผนอนาคตและการมีลูก
รวมถึงเป้าห ม ายของชีวิตคู่ตรงกันหรือเปล่า เรื่องเหล่านี้ถือเป็นเส้นชัยของชีวิต ที่ถ้ามีเส้นชัยคนละเส้นกัน อาจต้องพยายามหาตรงกลางให้ได้ ดีกว่าไปรู้แล้วผิดหวังหลังแต่งงาน