“ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูก” เราคงจะคุ้นเคยกับประโยคนี้กันดีใช่ไหมล่ะคะ คำกล่าวนี้ไม่ได้ผิดแต่อย่างใด เพียงแต่อาจจะยังไม่ถูกต้องไปเสียทั้งหมด
แม้ว่าพ่อแม่จะมีความรักให้กับลูก แต่หากความรักนั้นถูกถ่ายทอดไปด้วยความไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิด ๆ ก็อาจกลับกลายเป็นการทำล า ยลูกได้โดยไม่รู้ตัว ประเด็นสำคัญก็คือ
รูปแบบการเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้องบางอย่างนั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อตัวพ่อแม่เองเท่านั้น (เช่น ต้องเหนื่อยเกินความจำเป็น หรือทำให้ไม่สามารถปกครองลูกได้) แต่
พฤติกรรมหลาย ๆ อย่างยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อ การเจริญเติบโต และการใช้ชีวิตของเด็กในอนาคตอีกด้วย
1. ทำแทนลูกมากจนเกินไป
ความรักของพ่อแม่ หลาย ๆ ครั้งก็มักถ่ายทอดออ กไปด้วยการปกป้อง ดูแล ซึ่งก็ไม่ผิดนักหากว่า การดูแลของเรานั้น ไม่ได้มากเกินไปจนถึงขั้นทำให้ลูกไม่สามารถที่จะดูแลตัวเองได้
และไม่เพียงแต่การ “ลงมือทำ” สิ่งต่าง ๆ แทนลูกเท่านั้น เพราะเมื่อเราทำจนเคยชิน หลาย ๆ ครั้งจึงก้าวไปถึงขั้น “คิดและตัดสินใจ” แทนลูกอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ แม้เด็กอาจจะรู้สึก
ถึงความสะดวกสบายและปลอดภัยในช่วงแรก ๆ ของชีวิต แต่เมื่อเติบโตขึ้น พฤติกรรมเหล่านี้ของพ่อแม่อาจจะส่งผลให้เด็กรู้สึกถึงความด้อยคุณค่า รู้สึกว่าตนไม่มีความสามารถ
ไม่กล้าแสดงออ ก และไม่เป็นตัวของตัวเองค่ะ
2. เปรียบเทียบลูกตนเองกับลูกคนอื่น
ข้อผิดพลาดประการหนึ่งที่พ่อแม่มักจะทำก็คือ การเปรียบเทียบลูกตนเองกับลูกคนอื่น หรือแม้แต่เปรียบเทียบระหว่างลูกแต่ละคน โดยหวังว่าจะให้ลูกที่ด้อยกว่านั้นปรับปรุงตัวขึ้น
ซึ่งความเชื่อนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ผลตามที่พ่อแม่ต้องการเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูก และระหว่างลูก ๆ แต่ละคนได้อีกด้วย
3. ไม่มีความคงเส้นคงวา
พ่อแม่หลาย ๆ คน มักมีการตั้งกฎ กติกา หรือข้อจำกัดบางอย่างไว้ให้กับลูก แต่กฎระเบียบที่ตั้งขึ้นนั้น กลับมีความไม่คงเส้นคงวา มีการนำมาใช้ในบางกรณี แต่กลับไม่ใช้ในบางกรณี
โดยไม่มีเหตุผลที่ดีหรือเห ม าะสมให้กับลูก หรือบางครั้งก็เป็นกฎที่ตั้งขึ้นโดยที่พ่อแม่ไม่สามารถทำให้เห็นหรือทำเป็นตัวอย่างได้ ซึ่งทำให้กฎหรือ กติกาที่ตั้งขึ้นนั้น
ไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่ได้ผล
4. ไม่ฟังลูก
หลาย ๆ ครั้ง ความเป็นพ่อแม่ ทำให้เรารู้สึกมีอำนาจและเหนือ กว่าลูก จนลืมไปว่าลูกหรือเด็ก ๆ เองก็มีความต้องการหรือมีความคิดบางอย่างเป็นของตนเองเช่นกัน การรับฟังลูก
จะเป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้เราได้เข้าใจและช่วยเหลือลูกได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะเมื่อลูกเกิดปัญหาขึ้นในชีวิต แต่การที่พ่อแม่คิดว่าตนเองรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับลูกโดยไม่จำเป็น
ต้องฟังลูกนั้น อาจทำให้พลาดสิ่งที่สำคัญ หรือไม่สามารถช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาให้ลูกได้อย่างทันเวลา และยังอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกหันไปพึ่งพาบุคคลอื่น มากกว่าก็เป็นได้ค่ะ
5. ไม่สื่อส า รกับลูกอย่างตรงไปตรงมา
รูปแบบการสื่อส า รอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและทำล า ยความสัมพันธ์ได้ ก็คือ การสื่อส า รที่ไม่ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะในทางบวกหรือทางลบ เช่น พ่อแม่มักจะไม่ชมลูกตรง ๆ
เพราะกลัวลูกจะเหลิง แต่กลับใช้คำที่ก่อให้เกิดความรู้สึกทางลบแทน เช่น “ทำให้ได้แบบนี้ไปตลอดก็แล้วกัน” หรือ “ทำเรื่องดี ๆ กับเขาได้ด้วยหรือ” ซึ่งภาษาที่ใช้ในการสื่อส า ร
ในลักษณะนี้ ไม่ได้ส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณกับลูกแต่อย่างใด และการสื่อส า รในทางบวกก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เด็กเหลิง หากว่าคำชมหรือคำพูดในทางบวกนั้น
มีความสอดคล้องกับพฤติกรรมหรือผลงานที่เด็กได้ทำจริง ซ้ำยังจะเป็นการเสริมแรงให้เด็กทำพฤติกรรมที่ดีนั้นต่อไปอีกด้วยค่ะ ความรักของพ่อแม่จะถูกถ่ายทอดไปยังลูกได้
มากน้อยแค่ไหน อาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณความรัก แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ วิธีการถ่ายทอดความรักนั้นไปยังลูกอย่างถูกต้อง เห ม าะสม และสอดคล้องกับความเข้าใจของเด็กนั่นเองค่ะ