ถ้ายังมีแม่อยู่ ทำดีกับแม่ให้มากนะ

ในขณะที่ลูกสะใภ้กำลังป้อนข้าวแม่สามีอยู่นั้น ลูกสะใภ้ก็พูดขึ้น มาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า “ทำจืดแม่ก็ว่าไม่มีรสชาติ ตอนนี้ทำเค็มนิดหนึ่ง แม่ก็ว่ากินไม่ได้ แล้วจะเอายังไง”

เมื่อแม่เห็นลูกชายกลับมา ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่กลืนข้าวเข้าปาก ลูกสะใภ้มองตามด้วยความไม่พอใจ เมื่อลูกชายลองชิมอ าห า รที่แม่กำลังกิน ก็พูดกับภรรย าว่า… “ผมบอ กคุณแล้ว

ไม่ใช่เหรอ ว่าแม่กินเค็มมากไม่ได้” ลูกสะใภ้กล่าวด้วยความโมโห… “เอาละ ในเมื่อเป็นแม่ของคุณ วันหลังคุณก็ทำเองก็แล้วกัน” แล้วก็สะบัดหน้าเดินเข้าห้องไป ลูกชายรู้สึกลำบากใจ

จึงหัน มาพูดกับแม่ว่า… “แม่ครับ ไม่ต้องกินหรอ ก เดี๋ยวผมต้มบะหมี่ให้แม่กินนะครับ” แม่เห็นอาการกังวลของลูกชาย จึงพูดขึ้นว่า… “ลูกมีอะไรจะพูดกับแม่ไหม? ถ้ามีก็บอ กแม่เถอะ

อย่ าเก็บไว้เลย” ลูกชายกล่าวขึ้น… “แม่ครับ เดือนหน้าผมได้เลื่อนตำแหน่ง เกรงว่าจะต้องมีงานที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เมียผมก็อย ากออ กไปทำงาน คือว่า….”แม่รู้ทันทีว่าลูกชาย

จะพูดอะไรต่อ…!! “อย่ าส่งแม่ไปอยู่บ้านพักคนชรานะลูก ” แม่พูดออ กมาอย่างอ้อนวอน ลูกชายนิ่งคิดไปนาน แต่ก็พย าย ามหาทางออ กที่ดีกว่านี้… “แม่ครับ อยู่บ้านพักคนชราก็ดีนะแม่

จะได้ไม่เหงา ที่นั่น มีคนดูแล ดีกว่าอยู่ที่บ้านนะครับ หากเมียผมไปทำงาน เธอจะไม่มีเวลาดูแลแม่เลยนะครับ” เมื่อเขาอาบน้ำเสร็จ ก็ออ กมาทำบะหมี่ให้แม่ และนั่งทานบะหมี่กับแม่

จากนั้นก็เข้าไปที่ห้องหนังสือ เขายืนนิ่งอยู่ที่หน้าต่าง ในใจเกิดความสับสน ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี แม่ของเขาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่ยังสาว ทนลำบากเลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่

อีกทั้งส่งเสียให้เรียนยังต่างประเทศ แต่แม่ไม่ได้อ้างสิ่งที่ทำไปเป็นเบี้ยต่อรองให้เขาต้องเลี้ยงดู กลับกันภรรย าผู้มาทีหลังกลับเรียกร้องให้เขาต้องรับผิดชอบ นี่เขาต้องส่งแม่ไปอยู่

บ้านพักคนชราจริงหรือ…? “คนที่จะอยู่กับแกในช่วงบั้นปลายชีวิตคือเมียนะโว้ย ไม่ใช่แม่” เพื่อนๆ มักจะเตือนเขาอย่างนี้ “แม่ของเธออายุมากแล้วนะ หากโชคดีก็อยู่กับแกได้อีกหลายปี

ทำไมไม่อาศัยเวลาที่เหลือของแม่แล้วก็กตัญญูปรนนิบัติท่านละ อย่า รอให้อย ากกตัญญูแต่แม่ไม่อยู่แล้ว แล้วแกจะเสียใจ” ญาติๆมักจะเตือนเขาว่าอย่างนี้ เขาไม่กล้าคิดอะไรต่อ กลัวว่า

ตนเองจะเปลี่ยนแปลงความตั้งใจ ณ บ้านพักคนชราที่แสนจะหรูหรานอ กชานเมือง เขาใช้เงินจำนวน มากเพื่อทดแทนความรู้สึกผิดต่อแม่ของเขา อย่างน้อยที่นี่ก็สะดวกสบาย เมื่อเขาพยุงแม่

เข้าสู่ตัวอาคาร ทีวีจอยักษ์กำลังฉายภาพยนตร์ตลกอยู่ แต่ไม่มีเสียงหัวเราะจากผู้ชมแม้แต่คนเดียว คนชราจำนวนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน นั่งอยู่บนโซฟานั่งมองประตูทางเข้า

ด้วยสายตาอันเหม่อลอย หญิงชราคนหนึ่งกำลังก้มตัวลงไปเก็บขน ม ที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้น มา เขารู้ว่าแม่ชอบห้องที่สว่างโล่ง จึงเลือ กห้องที่แสงพระอาทิตย์สามารถสาดส่องเข้ามาได้

เมื่อมองออ กไปนอ กหน้าต่าง ใบไม้กำลังร่วงลงสู่พื้นหญ้าเป็นจำนวน มาก มีเจ้าหน้าที่หลายคนกำลังเข็นรถเข็นที่มีคนชรานั่งอยู่ออ กไปชมพระอาทิตย์ตกดิน รอบตัวเงียบสงัด ทำให้เขา

สะท้านวาบในจิ ตใจ แม้แสงพระอาทิตย์ย ามลับขอบฟ้าจะงดงามสักเพียงใด.. นั่นก็ห ม ายความว่าความมืดย ามค่ำคืนกำลังจะย่ างกราย เข้ามาแทนที่ เขาถอนหายใจเบาๆ “แม่ครับ ผม

ต้องไปแล้วนะ” ผู้เป็นแม่ทำได้เพียงแค่พยักหน้า แต่ในแววตากลับดูเศร้ าสร้อยเหลือเกิน ตอนที่เขาเดินจากมา แม่ยังคงโบกมือลาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก อ้าปากพูดโดยไม่มีเสียงอยู่ตลอดเวลา

เมื่อเขาหัน มามอง จึงเห็นผมสีขาวของแม่ เขานึกในใจ… “แม่แก่แล้วจริงๆ” อยู่ๆ ภาพในครั้งอดีตก็ผุดขึ้นในห้วงแห่งความคิด ปีนั้นเขาอายุได้เพียงแค่6ขวบ แม่มีธุระต้องไปต่างจังหวัด

จึงต้องพาเขาไปฝากไว้ที่บ้านคุณลุง ตอนที่แม่จะออ กจากบ้านไป เขารู้สึกกลัวมาก เอาแต่กอดขาแม่ไม่ยอมให้แม่ไป “แม่จ๋าอย่าไปนะ…” สุดท้าย แม่ก็ไม่กล้าทิ้งเขาไปต่างจังหวัดเขารีบ

ก้าวเท้าเดินออ กจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เมื่อปิดประตูแล้วก็ไม่กล้าหันไปมองแม่อีก เมื่อ กลับถึงบ้าน เขาเห็นภรรย ากำลังเก็บเอาข้าวของของแม่ โยนออ กมานอ กห้อง ถ้วยรางวัลรูปคนยืน

สูงประมาณ 3 ฟุตที่เขา ชนะเลิศประกวดเรียงความ “แม่ของฉัน” พจนานุกรมแปลภาษาที่แม่ซื้อให้เขาในวันเกิด ซึ่งเป็นของขวัญชินแรกที่เขาได้รับจากแม่ ยังมีย าหม่องน้ำที่แม่ต้องทาขา

ก่อนนอนทุกวันฯ “หยุดเดี๋ยวนี้นะ พวกคุณโยนของๆ แม่ผมออ กมาทำไม?” เขาถามออ กไปด้วยความไม่พอใจ “ข ยะทั้งนั้น ถ้าไม่ทิ้ง แล้วฉันจะเอาของๆ ฉันวางไว้ตรงไหน? ” ภรรย าพูด

อย่ างไม่สบอารมณ์ “คุณรีบเอาเตียงเก่าของแม่คุณไปทิ้งได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะซื้อเตียงใหม่มาไว้แทน ” รูปเก่าๆสมัยเขายังเ ด็ ก กองอยู่กับพื้น มันเป็นรูปที่แม่พาเขาไปเที่ยวสวนสั ต ว์และสวนสนุก

“นั่น มันเป็นสมบัติของแม่ผม ใครก็เอาไปทิ้งไม่ได้” “มันจะมากเกินไปแล้วนะ มาทำเสียงดังกับฉันได้ยังไง ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้” “ผมเลือ กรักและแต่งงานกับคุณ คุณเข้ามาอยู่บ้านผม

คุณเลือ กรักผม ทำไมคุณรักแม่ผมด้วยไม่ได้..? ” ท้องฟ้าอัน มืดมิดหลังฝนตก บรรย ากาศหนาวสะท้านไปทั่ว ท้องถนนที่ว่างเปล่าไร้รถรา รถหรูคันหนึ่งพุ่งไปข้างหน้าราวกับอยู่ในสนามแข่ง

พร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ของชายคนหนึ่งซึ่งมุ่งไปทางบ้านพักคนชรานอ กเมือง จอดรถเสร็จ เขารีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องพักของแม่ เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขายืน มองแม่ด้วยความรู้สึก ที่ไม่น่าให้

อภัยตัวเอง เขาเห็นแม่ของเขาก้มหน้าใช้มือนวดที่ขาของตัวเอง เมื่อแม่ของเขาเงยหน้าขึ้น มองไปที่ประตู ก็เห็นลูกชายของตัวเองยืนอยู่และใน มือถือย าหม่องน้ำอยู่ และก็พูดออ กมาด้วยเสียง

อ่อนโยนว่า “แม่ลืมเอามาด้วย ดีนะที่ลูกเอามาให้” เขาเดินไปหาแม่และคุกเข่าลงไป “ดึกแล้วลูก แม่ทาเองได้ พรุ่งนี้ลูกต้องไปทำงานแต่เช้า กลับไปเถอะ” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็

กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ “แม่ครับ ผมขอโทษ แม่ยกโทษให้ผมนะ กลับบ้านเราเถอะ” ลูกรัก ตอนที่เจ้ายังเ ด็ ก แม่ใช้เวลาทั้งหมดค่อยๆสอนให้เจ้าใช้ช้อนใช้ตะเกียบคีบอ าห า ร สอนเจ้าใส่รองเท้า

สอนเจ้าแต่งตัว อาบน้ำให้ สิ่งเหล่านี้แม่ไม่เคยลืม หากวันหนึ่ง แม่จำไม่ได้ หรือเริ่มพูดช้าลง ขอเวลาให้แม่สักหน่อย รอแม่ได้ไหม ให้แม่ได้คิด บางครั้ง สิ่งที่แม่อย า กจะพูดกับเจ้า

แม่อาจจะพูดกับเจ้าไม่ได้อีกแล้ว ลูกรัก ลูกจำได้ไหม แม่ต้องสอนเจ้ากี่ร้อยครั้งให้เจ้าพูดว่าคำว่าแม่ได้ แม่ดีใจมากแค่ไหนที่เจ้าเริ่มพูดเป็นประโยคได้? แม่ต้องตอบคำถามของเจ้ากี่ร้อยครั้ง

กว่าเจ้าจะเข้าใจในสิ่งที่เจ้าสงสัย ดังนั้น หากวันหนึ่ง แม่ถามเจ้าซ้ำแล้วซ้ำอีกกับเรื่องเดิมๆ ขอให้เจ้าอย่ ารำคาญจะได้ไหม…? ตอนนี้แม่อาจติดกระดุมเสื้อไม่ได้ ตอนกินข้าวอาจหก

เลอะเสื้อผ้า เจ้าไม่ต้องโมโหได้ไหม…? ขอให้เจ้าอดทนและอ่อนโยนกับแม่ ขอเพียงเจ้าอยู่ข้างๆแม่ แม่ก็รู้สึกอุ่นใจ ลูกรัก วันนี้ขาของแม่เริ่มอ่อนแรง ยืนได้ไม่ค่อยนาน เดินเหินลำบาก

ขอให้ลูกจับมือและพยุงแม่ไว้ เดินเป็นเพื่อนแม่จนวันที่แม่หมดลมหายใจ เหมือนวันที่เจ้าหัดเดิน แม่ก็พยุงเจ้าเดินอย่างนี้เหมือนกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *