เป็นปัญหาโลกแตกสำหรับมนุษย์วัยทำงานหลาย ๆ คน เพราะทำงาน มาหลายปีแล้ว ยังไม่มีเงินเหลือเก็บสักที ไม่ว่าจะลองใช้วิธีใดก็ตาม
สุดท้ายก็ต้องเอาเงินไปหมุนก่อนเสมอ เมื่ออายุกำลังเข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่ บางคนก็ใกล้เกษียณเต็มที ก็ยิ่งมีความกังวลมากขึ้นว่าควรทำอย่างไรจึงจะมีเงินเก็บสักก้อนไปลงทุน
หรือเอาไว้ใช้ในยามหลังเกษียณ โดยในบทความนี้จะแยกออ กเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บ และวิธีแก้ไขเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินใหม่ที่สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่เดือนแรกที่ทดลองทำ
สาเหตุของการไม่มีเงินเก็บ
เนื่องจากบางคนยังไม่สามารถยอมรับความจริง หรือไม่รู้จริง ๆ ว่าเงินของตัวเองหายไปไหนหมด ไม่ว่าจะเงินเดือน มากหรือน้อยก็ตาม ลองพิจารณาดูกันว่าข้อใดคือสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้คุณไม่มีเงินเก็บกันบ้าง
ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
เป็นประเด็นแรก ๆ ที่ควรพูดถึง และคนส่วน มากก็มักจะนึกไม่ถึงว่าสิ่งของที่ตัวเองจับจ่ายซื้อเข้าบ้านอยู่ทุกวันนี้ เป็นสิ่งของฟุ่มเฟือย อันดับแรกที่ควรทำเมื่อมีความต้องการซื้อของชนิดหนึ่งเลยก็คือ
พิจารณาก่อนว่าสิ่งของเหล่านี้มีความจำเป็นกับชีวิตคุณหรือไม่ ถ้ามี มีความจำเป็นอย่างไร สามารถหาอย่างอื่นทดแทนได้หรือไม่ ? หรือที่บ้าน มีของประเภทนี้อยู่แล้วหรือไม่ ?
คำถามจะช่วยให้คุณมีสติในการเลือ กซื้อสินค้าและบริการมากยิ่งขึ้น ของฟุ่มเฟือยส่วนใหญ่ที่มักจะนิยมซื้อ กันก็คือ เครื่องสำอาง เสื้อผ้า วิดีโอเกม อุปกรณ์ประดับยนต์ อาหารเสริมและยาลดน้ำหนัก รวมถึงการทานอาหารนอ กบ้านเป็นประจำ เป็นต้น
มีหนี้สิน
ปัญหาใหญ่ไม่แพ้กันของการไม่มีเงินเก็บ ก็คือเรื่องของการมีหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้ผ่อนบ้าน หนี้ผ่อนรถ หนี้กู้ยืมเพื่อ การศึกษา
หนี้สินเชื่อ ฯ ทั้งหมดนี้ก็นับเป็นค่าใช้จ่ายที่คุณต้องชำระเป็นประจำทุกเดือน สำหรับบางคน แค่ใช้หนี้สิ่งเหล่านี้ รวมกับจ่ายค่าน้ำค่าไฟ
ก็เหลือเงินไม่ถึง 50% ของรายได้ทั้งหมดแล้ว ยิ่งถ้าหากใช้ฟุ่มเฟือยก็ยิ่งแล้วใหญ่ นอ กจากจะไม่มีเงินเก็บ ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้เยอะกว่าเดิมด้วย
รายได้น้อยเกินไป
ข้อนี้ออ กจะน่าเห็นใจระดับหนึ่ง บางคนทำงานเพียงคนเดียว แต่ต้องเลี้ยงครอบครัวอีก 1-2 ชีวิต ยิ่งถ้าหากมีลูกที่อยู่ในวัยต้องเข้าโรงเรียน ก็ยิ่งต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นแบบเท่าตัว
แต่จะให้ลาออ กไปหางานใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จำทนต้องทำงานเงินเดือนน้อยต่อไป แล้วไปเน้นในเรื่องของการประหยัดแบบสุด ๆ แทน
อย่างไรก็ตามก็ใช่ว่าจะไม่มีทางออ กเสมอไป เพราะการที่คุณมีรายได้น้อยเกิน ก็ยังสามารถเพิ่มรายได้ให้กับตัวเองได้ง่ายๆ ด้วยการทำอาชีพเสริมนั่นเอง
ลงทุนหนัก
เข้าใจว่าบางคนก็อยากมีเงินเก็บออม หรืออยากมีเงินท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว ๆ ได้เงิน มาเท่าไรก็เก็บหมด เก็บจนกระทบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในแต่ละเดือน
เมื่อขาดสภาพคล่อง ก็ต้องไปหยิบยืมเงินที่เก็บออมมา และสุดท้ายก็เอามาใช้จนหมด เพราะไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้
ถือว่าไหน ๆ ก็ใช้ไปแล้ว ค่อยหาเอาใหม่แล้วกัน ยิ่งถ้าบางคนเอาไปลงทุนก่อน ก็มีโอ กาสที่จะขาดทุน (ดอ กเบี้ย) ได้สูง
วิธีแก้ไขพฤติกรรมการใช้เงินดังที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อให้มีเงินเก็บที่มากกว่าเดิม
ในกรณีที่มีหนี้สินล้นตัว ให้ดูว่าหนี้ก้อนไหน มีจำนวนน้อยที่สุด หรือนี้ก้อนไหน มีจำนวนดอ กเบี้ยมากที่สุด เพื่อที่จะได้ปิดหนี้ก้อนนั้นไปก่อน
โดยอาจจะเลือ กการยืมเงินจากที่อื่น ที่มีดอ กเบี้ยถูกกว่า และมีระยะเวลาคืน มากกว่า มาหมุนเพื่อใช้หนี้ก้อนนั้น ๆ ก็จะช่วยให้มูลค่าหนี้ต้องชำระในแต่ละเดือนลดลงได้บ้าง ทยอยทำไปเรื่อย ๆ จนปิดหนี้ได้ทุกก้อน และไม่ควรก่อหนี้ใหม่อีกต่อไป
กรณีชอบซื้อของฟุ่มเฟือย ให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายออ กมาในแต่ละเดือน ว่าเงินที่หายไปหมดไปกับค่าอะไรบ้าง แล้วทำบัญชีแยกออ กมา
จะเห็นเงินจำนวนนี้ได้อย่างชัดเจน นอ กจากนี้ควรเพิ่มเทคนิคในเรื่องของการรอคอย เมื่อเห็นของที่ต้องการจะซื้อ ควรทิ้งระยะเวลาไว้อย่างน้อย 2-3 วันเพื่อพิจารณาว่า ยังอยากได้ของสิ่งนั้นอยู่หรือไม่
กรณีมีรายได้น้อย หากมีรายได้น้อยไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ก็ควรหาอาชีพเสริมที่สามารถทำได้หลังเลิกงาน หรือให้คนในครอบครัวเป็นคนช่วย
เช่น การขายของกินตามตลาดนัด หรือ การขายของออนไลน์แบบไม่ต้องสต็อ กของ หรือจะเลือ กทำงานแบบฟรีแลนซ์ตามความถนัดของตัวเองก็ได้
เช่น รับเขียนโปรแกรม รับทำงานออ กแบบ รับติดตั้งจานดาวเทียม เป็นต้น พยายามอย่าให้กระทบงานประจำ และอย่าให้หนักเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้ เพราะถ้าหากเกิดการเจ็บป่วยขึ้น นั่นห ม ายถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องมากขึ้นไปอีก
กรณีลงทุนหนัก ควรเก็บออมเงินแต่พอดี ประมาณ 10-20% ของรายได้หลักในแต่ละเดือนก็เพียงพอแล้ว ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนใช้เงินเก่งและยับยั้งชั่งใจไม่ค่อยได้
ก็ให้ฝากไว้ในบัญชีออมทรัพย์แบบธรรมดา เพื่อไม่ให้เกิดการเสียโอ กาสในการได้ดอ กเบี้ยเมื่อต้องเอาเงิน มาหมุนก่อน