เคล็ดลับการปลดหนี้ด้วยตัวคุณเอง

เครียดเพราะเป็นหนี้ ไม่มีเงินก็ต้องสร้างหนี้ หลายคนอาจมองว่า การสร้างหนี้เป็นเรื่องที่ปกติ ทุกคนย่อมมีเหตุผลร้อยแปด เพื่อที่จะสร้างหนี้กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนจน หรือคนรวยก็ตาม

การสร้างหนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่นำมาใช้กับเรื่องไรส า ระเสมอไป แต่การสร้างหนี้ที่ช่วยให้คนรวยขึ้นก็มีมากมาย การสร้างหนี้ทำได้ง่าย เพียงไม่กี่นาที

แต่การปลดหนี้นั้นอาจใช้ทั้งชีวิตเพื่อทำ ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับการเป็นหนี้มากเกินตัว และไม่รู้จะหาทางออ กกับเรื่องนี้อย่างไร

ก่อนอื่นที่คุณจะเริ่มต้นวางแผนปลดหนี้นั้น คุณจะต้องรู้จักห้ามใจตัวเองให้ได้เสียก่อน ข้อนี้สำคัญมากนะคะ ใครที่เป็นหนี้มากเกินความสามารถในการชำระคืนได้ทั้งหมด

ถ้าคุณต้องการหลุดพ้นจากวงจรหนี้ คุณจะต้องห้ามใจ ถึงแม้บางครั้งอาจจะต้องการก็ตาม การห้ามใจตัวเองในที่นี้ห ม ายถึง การหยุดใช้จ่ายตามใจตัวเอง

เลิกพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อ การสร้างหนี้ หยุดสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็นเพิ่ม เมื่อคุณสามารถห้ามใจตัวเองได้แล้ว มาถึงขั้นตอนการปลดหนี้กับเราได้เลยค่ะ

หยุดสร้างหนี้

หยุดความต้องการของตัวเองทุกอย่าง เพื่อหยุดการสร้างหนี้เพิ่ม เริ่มต้นใช้จ่ายแบบประหยัด ทุกอย่างให้คิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่คุณจะได้รับ ให้คิดเพียงว่าตอนนี้การปลดหนี้สำคัญที่สุด

คำนวณจำนวนหนี้ทั้งหมด

เพื่อให้การปลดหนี้เป็นไปตามแผนการที่วางไว้ คุณจะต้องรวบรวมหนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะนอ กระบบ หรือในระบบแล้วจัดลำดับความสำคัญของหนี้ ลำดับหนี้คุณจะต้องเรียงจากหนี้ที่เสียดอ กเบี้ยสูงสุดก่อน เพื่อให้ปลดหนี้ได้เร็วที่สุด จากนั้นเปรียบเทียบเงื่อนไขของการชำระหนี้ ควรชำระหนี้ที่มีเงื่อนไขเข้มงวดก่อน แล้วจึงชำระหนี้อื่น ๆ ตามลำดับ

คำนวณรายได้ทั้งหมด

รายได้ทั้งหมดที่เข้าในแต่ละเดือนนั้น เป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ และเหลืออยู่เท่าไหร่ เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือไปบริหารจัดการกับการใช้หนี้ การคำนวณรายได้คงเหลือ คุณจะต้องนำรายได้ทั้งหมดต่อเดือน มาลบกับค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน รวมถึงค่าอาหาร ค่ารถโดยประมาณ ส่วนที่เหลือ ก็จัดสรรชำระหนี้ตามลำดับในตารางหนี้

ชำระหนี้ตามลำดับ

ถ้าคุณมีหนี้บ้าน หรือรถ แนะนำให้ชำระตามกำหนดเวลาก่อน แล้วส่วนที่เหลือค่อยทยอยชำระหนี้อื่น ๆ แต่ถ้าคุณไม่มีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถ มีเพียงหนี้บัตรเครดิตและหนี้อื่น ๆ อีกเล็กน้อย แนะนำให้คุณชำระหนี้บัตรเครดิตให้มากกว่าขั้นต่ำในทุกเดือน เพื่อลดภาระดอ กเบี้ยลง จากนั้นค่อยทยอยชำระหนี้ส่วนอื่น ๆ ที่เสียดอ กเบี้ยต่ำ

หารายได้เพิ่ม

เมื่อคำนวณรายได้กับค่าใช้จ่ายแล้ว ไม่เพียงพอ กับการใช้หนี้ แนะนำให้รีบหารายได้เพิ่มจากหลาย ๆ ช่องทาง เช่น การขายของหลังเลิกงาน การทำงาน Part Time หรือ การทำงานผ่านทางระบบออนไลน์ เท่านี้คุณก็สามารถมีรายได้เพิ่ม และนำรายได้ส่วนนั้น มาชำระหนี้ตามลำดับขั้นที่วางไว้ได้ในทุกเดือน เพราะยิ่งเดือนไหนคุณสามารถหารายได้ได้มากขึ้น ก็ยิ่งปลดหนี้ได้เร็วขึ้นเท่านั้น

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออ กไปให้หมด เช่น ลดค่าเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าที่มีใช้แบบ 7 วันไม่ซ้ำแบบ หรือค่าช้อปปิ้ง เครื่องประดับ เครื่องสำอางที่มีราคาแพง เพียงเพราะต้องการซื้อให้ทันเทรดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ต้องเสียเงินเป็นจำนวน มาในแต่ละวัน เพื่อให้มีเงินเหลือชำระหนี้ และปลดหนี้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด

ติดต่อประนอมหนี้

กรณีที่คุณไม่มีรายได้เพิ่ม ไม่สามารถแบ่งเงินเดือนออ กมาชำระหนี้เพื่อปลดหนี้ได้ หรือ กำลังรอเงินโบนัสที่จะออ กทุกปี คุณก็สามารถติดต่อ กับธนาคารหรือเจ้าหนี้เพื่อประนอมหนี้ได้ แต่วิธีการประนอมหนี้นั้น ไม่ได้ช่วยให้ยอดเงินต้นของคุณลดลง แต่เพียงช่วยให้คุณรับภาระหนี้ต่อเดือนน้อยลงเท่านั้น ดังนั้น วิธีนี้จึงไม่เห ม าะสมกับผู้ที่ไม่มีเงินโบนัส หรือเงินก้อนใหญ่อื่น ๆ เข้ามา

เมื่อเป็นหนี้แล้วไม่ยอมจ่ายจะเกิดอะไรขึ้น

สำหรับใครที่ไม่สามารถทำตามขั้นตอนที่เราแนะนำข้างต้นได้ จนเมื่อถึงเวลาหนี้คุณไม่สามารถชำระหนี้ได้ทัน หรือไม่มีเงินจ่ายหนี้ที่เหลือ สิ่งที่บางคนอาจเผลอทำก็คือ การเบี้ยวหนี้ ไม่มีเงินจ่ายไม่ว่าด้วยเหตผลใดก็ตาม หรือตกงานกระทันหัน คุณอาจจะพบกับชีวิตเช่นนี้ได้

ผลกระทบจากการเบี้ยวหนี้

เมื่อไม่มีเงินจ่ายก็ทำใจ และเตรียมตัวโดนฟ้องได้เลย เพราะคดีเกี่ยวกับหนี้สิน เป็นคดีแพ่ง โทษจึงไม่ถึงขั้นติดคุก คุณก็อาจจะสบายใจได้ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ติดคุก ก็ไม่ได้ห ม ายความว่าคุณจะไม่ต้องจ่ายนะคะ

โดยปกติหากมีห ม ายศาลส่งไปที่บ้าน เจ้าหนี้จะให้โอ กาสกับลูกหนี้ก่อน การปรานีปรานอมลดอัตราดอ กเบี้ยให้ หรือบางครั้งอาจให้ชำระคืนเฉพาะเงินต้นก็มี

เรื่องจึงจบอยู่ที่ไกล่เกลี่ย ไม่ต้องถึงชั้นศาล ดังนั้น ทำใจและเตรียมพร้อมรับมือและร่วมกับแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยการเจรจาตกลงกับเจ้าหนี้เป็นการดีที่สุดค่ะ

เมื่อไกล่เกลี่ยไม่เป็นผล คุณก็ต้องเตรียมรับมือ กับการอายัดเงิน และยึดทรัพย์สิน เพราะเจ้าหนี้ทุกรายรวมกัน สามารถร้องขอต่อศาลเพื่ออายัดเงินเดือนของคุณได้

ไม่เกิน 30% ของเงินเดือน แต่หากหลังจากหัก 30% แล้ว คุณมีเงินเดือนเหลือน้อยกว่า 10,000 บาท เจ้าหนี้จำเป็นต้องเหลือเงินให้คุณ 10,000 บาทเอาไว้สำหรับการดำรงชีวิตค่ะ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายงานเครดิตที่เครดิตบูโรนั้น จะถูกบันทึกเป็น ค้างชำระ ตั้งแต่งวดแรกที่คุณเบี้ยว และจะขึ้นค้างชำระไปเรื่อย ๆ โดยจะมีกำหนดวันพ่วงเข้ามาด้วย

เช่น ค้างชำระ 30 – 60 วัน, 61 – 90 วัน และจะเพิ่มจำนวนวันไปเรื่อย ๆ หากไม่มีการชำระเข้ามา โดยเมื่อใดที่คุณชำระหนี้เงินจำนวนนี้จะตัดไปหนี้ก้อนที่เก่าที่สุดก่อน

และรายงานเครดิตจะยังคงขึ้นว่าค้างชำระอยู่ แต่จำนวนวันลดลงตามจำนวนก้อนหนี้แต่ละงวดค่ะ ทั้งนี้ถ้าเป็นไปได้อย่างคิดเบี้ยวหนี้กันเลยค่ะ แนะนำให้หาวิธีการในการปลดหนี้ให้ได้เร็ว ๆ ดีกว่าค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *