เป็นที่แน่นอนที่สุดเลยนะคะ ว่าไม่ว่าใครๆก็ตามต่างก็ไม่ต้องการที่จะให้การหย่าร้างได้เกิดขึ้นอย่างแน่นอนเลยทีเดียว แต่หากว่าข้ามจุดนี้ไปไม่ได้ หนทางที่ดีที่สุดนั่นคือ การที่เราทำมันให้ดีที่สุด
เมื่อทำการหย่าเราต้องแบ่งทุกอย่างไม่ว่าจะอะไรก็ตามต้องมีความเป็นธรรมและมีคนกลางในการแบ่ง
การแบ่งทรัพย์สินคนละครึ่งในคู่กรณี คือ ส่วนที่เป็นสินสมรส ห ม ายถึงทรัพย์สิน ที่คู่สมรสได้มาระหว่างการสมรส ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใด ได้มาโดยพินัยกรรม
หรือ การให้โดยเจ้าของมรดกในระหว่างการสมรส หรือผู้ให้ระบุให้เป็นสินสมรสและ ทรัพย์สินที่เป็นดอ กผลจากสินส่วนตัว เช่น รายได้จากค่าเช่าบ้านที่เป็นเจ้าของกรรม
สิทธิ์ก่อนจดทะเบียนสมรส ดอ กเบี้ยเงินฝากจากบัญชีส่วนตัวที่มีอยู่ก่อนที่จะจด ทะเบียนสมรส และที่สำคัญต้องทำการแยกให้ได้ว่าทรัพย์สินส่วนใดเป็นสินสมรส
ทรัพย์สินส่วนใดเป็นสินส่วนตัว ก็เพื่อรักษาสิทธิในส่วนที่เป็นสินส่วนตัวที่เป็นเจ้าของกัน มาแต่แรกนั่นเอง
ไม่เพียงเท่านี้นะคะ เพราะนอ กจากจะแบ่งสินสมรสกันแล้ว ยังต้องแบ่งหนี้กันด้วย หนี้จำนอง หนี้บัตร เครดิต หนี้ผ่อนรถ ต้องแบ่งให้ชัดเจน
ซึ่งในการเจรจาแบ่งทรัพย์สิน คู่หย่าสามารถ ตกลงชำระหนี้กันก่อนหรือแลกทรัพย์สินบางรายการกับหนี้ หรือแบ่งภาระหนี้กันได้ด้วยนั่นเอง
ผลประโยชน์แฝง
มีผลประโยชน์บางอย่างที่ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงหย่า ตัวอย่างเช่น ผลประโยชน์ หลังเกษียณ หรือสิทธิในการซื้อหุ้นของบริษัท รวมทั้งผลตอบแทน
จากกรมธรรม์ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพ ประกันชีวิตและประกัน ทุพพลภาพ ซึ่งอาจคุ้มครองรวมไปถึงลูกๆ ของคุณ ด้วยและหากคุณ ซื้อประกันเหล่านี้ อย่าลืมคิดถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย เว้นแต่คุณจะได้สวัสดิการ จากนายจ้าง
เงินลงทุน
สำหรับคู่หย่า ที่ต้องการแบ่งเงินที่ได้ลงทุนไปแล้ว อย่าดูเพียงวงเงินลงทุน แต่ควรดูประเภทการลงทุนด้วย เพราะหากไม่รอบ- คอบ ที่ได้อาจเป็นหุ้นที่ยากจะขาย
มีภาระภาษีสูงหรือ เป็นหน่วยลงทุนในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือเสียค่าใช้จ่ายสูง ขณะที่คู่หย่า ได้แต่หุ้นดีๆ ไป ดังนั้นการพิจารณาเรื่องนี้ต้องมีวิสัยทัศน์หน่อย
เพราะต้องไม่ลืม ว่าคุณยังต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงอีกหลายประการหลังหย่า ฉะนั้นจึงควรเลือ ก การลงทุนที่เห ม าะสมกับอนาคตเอาไว้ก่อน
ค่าทดแทน ค่าเลี้ยงชีพ และค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
การแบ่งสินสมรสไม่ใช่ภาระทางการเงินประการเดียว ที่เกิดขึ้นจากการหย่า หากแต่ยังมีรายจ่ายที่อาจกลายเป็นคดีความยืดเยื้อยาวนาน
สร้างความบาดห ม างให้คู่หย่าหลายคู่ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเงินที่อาจเกิดขึ้น มาทำความเข้าใจในเรื่องนี้กันไว้ก่อนคงจะดี
ค่าทดแทน
การฟ้องหย่าประเด็นยอดนิยมคือ “หย่าเพราะมีชู้” ซึ่งในกรณีนี้ว่าที่อดีตทั้งสองฝ่ายสามารถฟ้องเรียกค่าทดแทนจากคู่หย่าและชายหรือหญิงที่เป็นชู้ได้
แต่การเรียกค่าทดแทนนี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อศาลพิพากษาให้หย่าเพราะภรรยามีชู้ หากสามีไม่ประสงค์จะหย่าจากภรรยา ก็สามารถเรียกค่าทดแทนจากชายชู้ได้
ในฐานะล่วงเกินภรรยาในทำนองชู้สาว แต่จะเรียกค่าทดแทนจากภรรยามิได้ ส่วนภรรยาจะเรียกค่าทดแทนจากสามีและหญิงอื่น ด้วยเหตุสามีเลี้ยงดู
อุปการะหญิงอื่นฉันภรรยาได้ต่อเมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันก่อน หากไม่ฟ้องหย่า จะเรียกค่าทดแทนได้จากหญิงอื่นที่แสดงตนอย่างเปิดเผยว่ามีสัมพันธ์กับสามีในเชิง ชู้สาวเท่านั้น
แต่ในทั้งสองกรณีจะเรียกค่าทดแทนจากชายชู้และหญิงที่เข้ามามีสัมพันธ์กับ สามีได้ ก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่าชายชู้หรือชายที่ล่วงเกินภรรยา ทราบว่าหญิงนั้น มีสามี แล้ว
และหญิงที่เข้ามามีสัมพันธ์กับสามีทำนองชู้สาวทราบว่าชายนั้น มีภรรยาแล้ว ส่วนจำนวนค่าทดแทน ศาลจะวินิจฉัยตามสมควรแต่พฤติการณ์ โดยจะคำนึง ถึงจำนวนทรัพย์สินที่คู่หย่าได้จากการแบ่งสินสมรสจากการหย่าด้วย
สิทธิการดูแลบุตร
นี่เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เกิดภาวะกระอักกระอ่วน ปวดใจ ทำร้ า ยความรู้สึกกัน อย่างหนักหนาสาหัส เมื่อต้องฟ้องหย่าตามกฎห ม ายทั้งพ่อและแม่มีสิทธิใช้
อำนาจปกครองบุตรร่วมกัน (ภาษากฎห ม าย) ดังนั้นเมื่อตัดใจหย่าจงคิดถึงข้อนี้ด้วย ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็คงต้องพึ่งอำนาจศาล ให้กำหนดว่าอำนาจการปกครองควร จะอยู่กับใคร ซึ่งศาลจะพิจารณาความสุขและประโยชน์ของเด็กเป็นสำคัญ
ส่วนเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
นั้น ศาลพิจารณาตามความเห ม าะสม เพราะบิดามารดามีหน้าที่ร่วมกันอุปการะลูกของตนอยู่แล้ว ศาลอาจให้คู่กรณีฝ่ายใดรับ ผิดชอบจ่ายใช้จ่ายก็ได้
โดยพิจารณาจากความสามารถของผู้ให้และฐานะของผู้รับ เพราะบางครอบครัว ลูกอาจได้รับมรดกจากปู่ย่าต า ยาย มีรายได้มากกว่าทั้งพ่อและแม่ กรณีนี้ ศาลอาจยกประโยชน์ให้พ่อที่จนกรอบไม่ต้องส่งเงินในส่วนนี้ก็ได้