5 สัญญาณที่บ่งบอ กว่า คุณกำลังมีหนี้ท่วมหัว

สมัยนี้ถึงแม้เงินยังน้อย แต่ถ้าอยากได้บ้าน รถ เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ก็แสนง่ายดาย แค่เซ็นกริ๊กเดียว รูดปรื๊ด ก็สามารถเป็นเจ้าของได้ด้วยเงินจากอนาคต

ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย ตราบใดที่คุณสามารถรับผิดชอบภาระหนี้สินที่ตามมาได้ แต่ถ้าคุณซื้อเพลินซะจนลืมเช็คสุขภาพทางการเงินของตัวเอง หนี้สินกองโตก็อาจกลายเป็น มะเร็งร้ า ยในชีวิตคุณได้เหมือนกัน

1. มากกว่า 45% ของรายได้ต้องเอาไปให้เจ้าหนี้

ลองนึกภาพดูสิ ว่าถ้าคุณต้องเอาเงินเดือน 45% หรือรายได้เกือบครึ่งไปประเคนให้เจ้าหนี้หมด แล้วสุขภาพทางการเงินของคุณจะเป็นยังไงในระยะยาว?

เพราะนั่นห ม ายความว่าเกือบครึ่งของทรัพย์สินที่คุณมีอยู่ “ไม่ใช่ของคุณโดยแท้จริง” แต่เป็นทรัพย์สินที่ได้มาด้วยเงินของเจ้าหนี้ทั้งนั้น แล้วเป็นแบบนี้ต่อไปจะไหวหรอ? ถามใจตัวเองดู

2. คุณจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคุณมีหนี้อยู่ทั้งหมดเท่าไร

ถ้าคุณคิดไม่ออ ก บอ กไม่ถูก ว่าคุณมีหนี้สินติดพันอยู่ทั้งหมดเท่าไร ไม่ว่าจะเพราะจำนวน มันสูงจนนับไม่ถ้วน หรือคุณจงใจลืม ๆ มันไป

ก็ล้วนส่อว่าหนี้ที่คุณมีมันเยอะเกินกว่าที่คุณจะรับผิดชอบได้แล้ว อาจทำให้คุณไม่ทันระวังตัว ยิ่งก่อหนี้มาพอ กพูนขึ้นไปอีก แถมเวลาถึงกำหนดชำระก็ไม่ทันได้ตั้งตัวหรือวางแผนอะไรเลย

3. คุณเริ่มกู้ยืมเงิน มาเพื่อใช้หนี้

หนึ่งในวิธีสุดคลาสสิคของคนรวยหนี้ ก็คือ การกู้เงินจากแหล่งที่ (คุณคิดว่า) ประนีประนอมง่ายกว่ามาโปะหนี้ส่วนที่ต้องรีบจ่าย ฟังดูเหมือนง่าย

แต่จริง ๆ แล้วเป็นแค่การหนีปัญหาเฉพาะหน้า หากเป็นแบบนี้หลายงวดเข้า บัญชีหนี้สินของคุณก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย แค่เปลี่ยนเจ้าหนี้ไปเรื่อย ๆ เท่านั้น

4. คุณเริ่มกังวลว่าคนที่บ้านจะเห็นใบแจ้งหนี้ของคุณ

เวลาไปรษณีย์มาที่บ้านทีไร คุณเป็นต้องรีบวิ่งไปโกยบรรดาใบแจ้งหนี้ของตัวเองไปซ่อนไว้ไม่ให้ครอบครัวเห็น แบบนี้ไม่ดีแน่ เพราะลึก ๆ แล้วแม้แต่ตัวคุณเองยังรู้เลยว่าหนี้สินขนาดนี้นับว่าไม่ธรรมดา

ถ้าคนที่รักคุณมาเห็นเข้าต้องตำหนิและเป็นห่วงชีวิตคุณอย่างแน่นอน แล้วคุณจะไม่ตำหนิ ไม่ห่วงตัวเองหน่อยหรือ?

5. เวลามีเบอร์ไม่รู้จักโทรเข้ามา คุณจะวิตกก่อนเลยว่าเป็นการทวงหนี้

มีเบอร์แปลก ๆ โทรเข้ามาทีไร คุณเป็นต้องสะดุ้งทุกที ใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ว่าจะเป็นการโทรมาทวงหนี้รึเปล่า แปลว่าเจ้าหนี้ได้ประเมินแล้วว่าสถานการณ์ของคุณในตอนนี้มีโอ กาสสูงที่จะจ่ายคืนไม่ไหว

จึงต้องเข้ามาวนเวียนป้วนเปี้ยนในชีวิตประจำวันของคุณมากขึ้น แล้วแบบนี้ชีวิตจะมีความสุขได้ยังไง คุณจะทนใช้ชีวิตร้อน ๆ หนาว ๆ แบบนี้ไปจนถึงเมื่อไร?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *