เราไม่รู้หรอ กว่าในภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราและครอบครัวได้บ้าง แต่ถ้าหากมันเกิดอย่างปัญหาที่จะมาพูดถึงในวันนี้
อย่างปัญหาพ่อแม่แยกทางกัน ซึ่งในสังคมในปัจจุบันนี้ก็มีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ หากคู่ไหนไม่มีลูกแล้วเลิกลากันก็ต่างคนต่างอยู่ แต่ถ้าครอบครัวไหน มีลูกขึ้น ก็มีคำถามที่ว่า “ลูกจะอยู่กับใคร ?”
เชื่อได้เลยว่าพ่อแม่ทุกคนย่อมรักและเป็นห่วงลูกเสมอ ไม่ว่าใครก็อยากที่จะให้ลูกมาอยู่กับตนเองทั้งนั้น จึงทำให้การตัดสินใจยากสำหรับทั้งสองฝ่าย
เพราะฉะนั้นเราเลยมีกฎห ม ายเข้ามาช่วยในการตัดสินว่าลูกควรอยู่กับใครให้เข้าใจและชัดเจน มากยิ่งขึ้น
1 หากไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
คุณแม่มีสิทธิที่จะดูแลลูกเพียงผู้เดียว อำนาจการปกครองของลูกจะเป็นของแม่เพียงฝ่ายเดียว และถ้ามีการจดทะเบียนสมรสกันภายหลัง
หรือจดทะเบียนรับรองว่าเป็นบุตร พ่อ ก็สามารถมีอำนาจในการปกครองบุตรร่วมกันได้ ลูกก็จะสามารถใช้นามสกุลและรับมรดกของพ่อได้เช่นกัน
2 หากพ่อแม่จดทะเบียนสมรสกัน และหย่ากันด้วยดี
พ่อและแม่สามารถใช้อำนาจในการดูแลบุตรร่วมกันได้ แต่ต้องมีหนังสือตกลงระบุว่าใครมีอำนาจในการปกครองบุตร หากตกลงกันไม่ได้ ศาลจะเป็นผู้ตัดสินเอง
เพื่อไม่ให้เกิดการแ ย่ งตัวกันเกิดขึ้น ซึ่งพ่อ กับแม่หากใครคนใดคนหนึ่งมีสิทธิในตัวลูกแล้ว ก็อาจจะมีการเปลียนแปลงเกิดขึ้นได้ ซึ่งก็อยู่ที่พฤติกรรมที่ดีหรือไม่ดีของพ่อ กับแม่ด้วย
ส่วนเรื่องค่าเลี้ยงดูหรืออุปการะนั้น หากไม่ได้มีการกำหนดในสัญญา ศาลก็จะเป็นคนกำหนดให้ด้วยเช่นกัน
อีกทั้งเรื่องการติดต่อระหว่างพ่อ กับแม่ทุกฝ่ายมีสิทธิที่จะติดต่อ กับลูกได้ตามสมควร แต่ที่สำคัญเลยก็คือความปลอดภัยของลูกนั้นเองค่ะ
3 หากไม่ปรากฎบิดา
อำนาจในการดูแลลูกจะตกไปอยู่ที่มารดาเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น นอ กเหนือจากว่าจะมีการเพิ่มชื่อพ่อ แต่การเพิ่มชื่อบิดาลงไปนั้นก็ต้องมีการตรวจสอบหลักฐานทาง DNA ด้วยเช่นกัน
สุดท้ายนี้หากครอบครัวไหนที่รักกันอยู่ก็อยากจะให้ประคองและช่วยกันทำเพื่อลูกให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าครอบครัวไหนที่คิดว่าแยกกันอยู่แล้วสุขใจกว่า
ก็อยากให้ดำเนินชีวิตกันต่อไปนะคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็อยากจะเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ ครอบครัวได้ผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้เลยล่ะค่ะ จริงๆ หากตกลงกันได้เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ