พฤติпรรมของผญ. ที่ทำให้แฟนหนุ่มไม่ชอบ

สาว ๆ อย่างเรามีเรื่องให้ต้องจัดการตลอดเวลา ไหนจะเรื่องชีวิตส่วนตัว ไหนจะเรื่องช้อปปิ้ง ไหนจะเรื่องความสวยความงาม ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้ทำให้แฟนหนุ่มคิดว่าเราเป็นคนที่เยอะ เยอะ และเยอะ

จนพฤติпรรมที่เขาบอกว่าเยอะ (แบบที่เราไม่รู้ตัวนี่แหละ) พา ลให้เขาเกิดอาการรำ คาญได้ง่าย ๆ วันนี้เราจะให้สาว ๆ ได้เช็กดูหน่อยสิว่าในพฤติпรรมทั้งหมดของตัวเอง มีข้อไหนที่เข้าข่ายทำให้แฟนหนุ่มของคุณต้องรำ คาญบ้าง

1. ฉีดน้ำห อ มเกินพอดี

ผญ.กับน้ำห อ มเป็นของคู่กัน แต่อ ย่างว่าด้วยความที่สาว ๆ อย่างเราฉีดน้ำห อ มทุกวัน และนั่นอาจมีส่วนทำให้เราชินกลิ่นน้ำห อ มของตัวเองแบบไม่รู้ตัว

แต่ ! อาจจะไม่ใช่กับแฟนหนุ่มของคุณนะคะ เพราะคุณอาจมัวแต่เพลิดเพลินกับกลิ่นน้ำห อ มตัวใหม่ จนทำให้ฉีดน้ำห อ มมากจนเกินความพอดี กลายเป็นกลิ่นฉุนที่ไม่น่าประทับใจเอาได้ง่าย ๆ

2. หวังพึ่งเขามากเกินไป

คนเป็นแฟนกันย่อ มต้องเป็นที่พึ่งทั้งทางใจและทางกายต่อกัน แต่อะไรที่มากเกินไป มักส่งผลเสียกับอีกฝ่ายเสมอ ผญ.เรามักจะติดนิสัยอะไรนิดอะไรหน่อยก็

“เธอ…ช่วยฉันหน่อย” “เธอ…แบบนี้ว่าดีไหม” “เธอ…ฉันแก้เรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ” บางครั้งผญ.อย่างเราต้องหัน มาพึ่งพิงตัวเองบางนะคะ

จะมาใช้แฟนของคุณเป็นที่ยึดเหนี่ยวไปตลอดก็คงไม่ใช่ อย่าลืมนะคะว่า ของอย่างนี้มีวันรักได้ก็ต้องมีวันเลิกรักได้เช่นกัน

3. ขุดคุ้ยแต่เรื่องเก่า ๆ

บางครั้งผญ.เราชอบสวมบทบาทเป็นนักโบราณคดีก็ไม่ผิดนัก ชอบเหลือเกินกับการขุดซากอารยธรรมเก่า ก่อรูปกลายเป็นเรื่องใหม่

ให้รู้ไว้เถอะว่าพฤติпรรมนี้เป็นพฤติпรรมที่ผช.เขารำ คาญมากถึงมากที่สุด มีหลายคู่รักที่ความสัม พันธ์ต้องจบลงอย่างน่าเสียดาย เพราะเรื่องนี้มากนักต่อนัก เห็นทีว่าสาว ๆ อาจต้องมานั่งคิดทบทวนกับพฤติпรรมนี้ให้ดีกันหน่อยแล้ว

4. ให้เขาจ่ายอยู่ฝ่ายเดียว

เพราะสังคมคาดหวังกับคำว่า “สุภาพบุรุษ” ทำให้เขาจะต้องคอยทำหน้าที่ดูแลแฟนสาว ซึ่งหนึ่งในวิธีการดูแลเทคแคร์ อาจรวมถึงค่าใช้จ่ายมื้อดินเนอร์อร่อย ๆ

บางครั้งผช.เขาก็ไม่ได้ต้องการให้คุณมารับผิดชอบค่าอาหารอะไรหรอกนะคะ แต่อ ย่างน้อยแฟนสาวอย่างคุณก็ควรแสดงความมีน้ำใจบ้าง เลี้ยงเขาสักมื้อ หรือไม่ก็ตกลงแ ชร์ค่าอาหารร่วมกัน ไม่ใช่ให้เขาเป็นฝ่ายออกอยู่คนเดียวทุกทีไป

5. พยายามเข้าไปเปลี่ยนแปลงตัวเขา

ไม่มีใครชอบให้อีกฝ่ายเขามาบงการชีวิตเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ตัวเขาไม่ได้เป็น เพราะนั่นไม่ใช่ความรัก แต่เป็นการบังคับ การยัดเยียดอะไรก็ตามที่ไม่ใช่ตัวเอง

ก็เหมือนกับถือรະเ บิ ดเวลาไว้ใน มือที่ไม่รู้ว่าจะรະเ บิ ดเมื่อไร แทนที่คุณจะยัดเยียด ลองใช้วิธีการปรับจูนดีกว่า นอกจากจะไม่สร้างความรำ คาญให้อีกฝ่ายแล้ว ยังทำให้อีกฝ่ายไม่รู้สึกว่าต้องทำอะไรที่ฝืนใจเกินไปอีกด้วยค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *