ร่วมซื้อบ้านกับแฟน แต่กำลังจะเลิกกัน ทำยังไงดี?

ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอนนะคะทุกคน บางครั้งหญิงชายที่รักกัน มาก ตัดสินใจสร้างครอบครัวด้วยกัน ลงหลักปักฐาน

แต่พอมาถึงจุดที่ต้องเลิกราก็ไม่สามารถประคองชีวิตคู่ต่อไปได้ ปัญหาอยู่ที่ คู่รักที่ทำเรื่องกับธนาคาร กู้ร่วมซื้อบ้าน ด้วยกันนี่แหละค่ะ ผ่อนยังไม่ทันหมดแต่ขาเตียงหักซะก่อน จะทำยังไงดี?

1. ขายบ้าน!

จากบ้านอันแสนอบอุ่นกลายเป็นนรกร้อนระอุ คู่รักหลายคู่คงไม่อยากอยู่ต่อให้ช้ำใจ หลายคน มองว่าการขายบ้านที่กู้ร่วมกันจึงเป็นทางเลือกสำหรับการจบปัญหาทุกอย่าง

แต่ก่อนจะเริ่มกระบวนการขาย ควรตกลงกันให้ดีๆ ว่าจะแบ่งสรรปันส่วนเงินกันอย่างไร คู่รักส่วนใหญ่มักจะแบ่งกัน 50 – 50 ซึ่งข้อดีของการขายบ้านคือ

ไม่ต้องมีภาระผ่อนต่อ และได้เงินก้อนไว้ใช้ หรือต่างคนอาจนำเงินจากการแบ่งขายไปดาวน์บ้านหลังใหม่ของตัวเอง ขึ้นอยู่กับการวางแผนของแต่ละคน

การตัดปัญหาโดยการขายบ้านก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน เพราะการขายของใหญ่เช่นนี้ ต้องใช้เวลาหาผู้ซื้อค่อนข้างนาน

ขึ้นอยู่กับราคาที่ตั้งขายและทำเ ล ว่ามีคนสนใจซื้อบ้านหรือไม่ แต่ถ้าหาคนซื้อบ้านได้แล้ว คุณสามารถติดต่อธนาคารเพื่อทำเรื่องซื้อขายกันต่อไป

แนะนำว่าควรเ ช็ กรายละเอียดเรื่องค่าธรรมเนียมการโอน, ค่านายหน้า, ค่าอากรแสตมป์, ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจมีเพิ่มเติม

2. ถอนชื่อผู้กู้ร่วม

วิธีนี้เห ม าะสำหรับคนเคยรักที่เลิกกันและตกลงกันได้ด้วยดี ซึ่งกรณีนี้สามารถแบ่งได้เป็น คู่รักที่จดทะเบียนสมรส และ คู่รักที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส

คู่รักที่จดทะเบียนสมรสตามกฎห ม าย จะต้องดำเนินการจดทะเบียนหย่าให้เรียบร้อย แล้วนำใบหย่ากับสัญญาจะซื้อจะขายไปธนาคาร

เพื่อทำเรื่องขอถอนชื่อผู้กู้ร่วมออกจากสัญญากู้ โดยทางธนาคารจะเปลี่ยนรูปแบบสินเชื่อและทำสัญญาเงินกู้ฉบับใหม่ให้

ส่วนค่าธรรมเนียมต่างๆ ณ กรมที่ดิน จะได้รับการยกเว้น เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าอากร และภาษีธุรกิจเฉพาะ เพราะถือว่าอสังหาฯ ที่ขายเป็นสินสมรส

ส่วนคู่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็ง่ายขึ้น มาอีกนิด สามารถนำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายไปทำเรื่องขอถอนชื่อผู้กู้ร่วมที่ธนาคารได้เลย

โดยแจ้งความประสงค์ว่าต้องการถือกรรมสิทธ์ในทรัพย์สินแต่เพียงคนเดียว (ตกลงกันให้ดีว่าใครจะได้บ้านไป)

และจะเปลี่ยนจากการกู้ร่วมเป็นการกู้เพียงคนเดียว แต่จะไม่ได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ เหมือนคู่ที่จดทะเบียนสมรส

ข้อดีของการถอนชื่อผู้กู้ร่วมคือ บ้านจะยังเป็นของคนใดคนหนึ่ง ซึ่งต้องรับหน้าที่ผ่อนต่อ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อทำเรื่องขอถอนชื่อผู้กู้ร่วมแล้ว

ธนาคารจะตรวจสอบว่า คนที่ได้กรรมสิทธิ์บ้านไป มีความสามารถในการผ่อนชำระต่อหรือไม่ ถ้าธนาคารพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถผ่อนคนเดียวได้

ธนาคารก็มีสิทธิ์ไม่อนุญาตให้ถอดถอนชื่อผู้กู้ร่วม แบบนี้อาจต้องแก้ปัญหาด้วยการปรึกษาพ่อ แม่ พี่ น้อง ว่าใครจะสามารถมาช่วยเป็นผู้กู้ร่วมคนต่อไปได้บ้าง

3. รีไฟแนนซ์จากกู้ร่วมเป็นกู้เดี่ยว

หากธนาคารไม่อนุญาตให้ถอนชื่อผู้กู้ร่วม วิธีนี้สามารถใช้แก้ปัญหาได้เช่นกัน คุณสามารถรีไฟแนนซ์หรือขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารอื่น

โดยทำเรื่องยื่นกู้เพียงคนเดียว ข้อดีคือ ถ้ากู้ผ่าน คุณอาจจะได้ดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำลงในช่วงแรก

ขณะเดียวกัน ก็มีสิทธิที่จะกู้ไม่ผ่าน หากธนาคารใหม่พิจารณาความสามารถผ่อนชำระของคุณแล้วเห็นว่าไม่มีความสามารถพอ

การกู้ร่วมซื้อบ้านกับคนรัก เป็นสิ่งแรกๆ ที่หลายคู่ทำเพื่อสร้างครอบครัวให้มั่นคง ในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต

คู่ไหนที่รักมั่นคง แพรวเวดดิ้งก็ยินดีด้วย ส่วนใครที่ต้องเลิกราแล้วมีภาระผูกพันซึ่งกันและกัน

เช่น การกู้ร่วมซื้อทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็น บ้าน รถ หรือคอนโด คงต้องตกลงกันให้เข้าใจ ไม่มีปากเสียงหรือฟ้องร้องทางกฎห ม ายคงดีที่สุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *