คงไม่มีใครอยากให้ ชีวิตคู่ ต้องพังไม่เป็นท่า หรืออยู่ด้วยกันแบบปราศจากความสุขประมาณว่าก็อยู่ๆ กันไปจริงไหมคะ
แต่พอเจอบางสถานการณ์ก็กระตุ้นความหงุดหงิดจนต้องถามตัวเองว่าจะไปต่อดีไหม เอาเป็นว่าก่อนจะผลีผลามแยกย้าย ลองใช้ 4 เรื่องนี้กระชับสัมพันธ์กันอีกสักรอบค่อยตัดสินใจ
ตั้งสติคิดก่อนเหวี่ยง
เวลาที่เจอเรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้คุณรู้สึกแย่กับอีกฝ่าย จงเริ่มต้นจากการบอกตัวเองให้ใจเย็น
ตั้งสติและคิดให้รอบถึงต้นเหตุของการกระทำก่อนจะแสดงอาการไม่พอใจหรือเหวี่ยงวีนรุนแรงก็จะช่วยให้คุณไม่ต้องเปิดศึกปะทะคารมได้นะคะ
นอпจากนี้ข้อดีของการตั้งสติคิดก่อนก็คือ คุณจะได้ฝึกตัวเองให้มีเหตุผลมากขึ้นอีกขั้นด้วยนะคะ
เข้าใจสถานการณ์ชีวิตของอีกฝ่าย
บางครั้งความกดดันภายในจิ ตใจของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องสุขภาพ รวมถึงปัญหาของครอบครัวฝั่งเขา
ก็ส่งผลทำให้การแสดงออกกับคุณซึ่งอยู่ในฐานะคู่ชีวิตแปลกไปจากเดิม เช่นจากที่เคยขี้เล่นก็กลายเป็นคนนิ่งขรึม
อารมณ์ขึ้นหงุดหงิดง่ายทั้งที่ไม่เคยเป็น มาก่อน เผลอๆ บางทีก็พูดจาไม่เข้าหูโดยไม่รู้สาเหตุ
ซึ่งถ้าคุณรู้อยู่แล้วว่า ณ ตอนนี้ ชีวิตเขากำลังเผชิญปัญหาอยู่ก็อย่าถือเป็นอารมณ์
อย่าเอามาน้อยใจเลยนะคะ ในทางตรงข้ามคือต้องยิ่งเข้าใจและเป็นกำลังใจเคียงข้างให้เขาผ่านพ้นไปให้ได้
แบ่งเบ า ปัญหาแบบไม่ก้าวก่าย
บางคนเวลามีปัญหาก็ไม่อยากรบกวนให้ใครมาเดือดร้อนด้วย จึงอยากลงมือแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง แต่คุณเอง
ซึ่งอาจจะอยู่ในฐานะสามีหรือภรรยาก็นิ่งเฉยดูดายไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้อีกฝ่ายลงมือแก้ปัญหาตามที่เขาต้องการค่ะ
แล้วคุณทำหน้าที่ช่วยแบ่งเบ า ปัญหาด้วยการรอดูจังหวะให้เห ม าะๆ แล้วค่อยแสดงความเห็นหรือให้ความเห็นในยามที่เขาร้องขอก็พอ
เพราะในระหว่างที่เขามีปัญหา สมองอาจไม่แล่นเท่าไหร่หรือคิดวนเวียนจนหาทางออกไม่เจอ
คุณอาจเป็นคนที่ช่วยเปิดความคิดสู่ทางออกของปัญหาได้ แบบนี้แหละค่ะที่คุณช่วยแบ่งเบาให้เขาได้โดยที่ไม่ไปก้าวก่ายปัญหาหรือศักยภาพของตัวเขามากเกินไป
เติมความเอื้ออาทรให้กันเสมอ
หัวใจสำคัญที่จะทำให้ชีวิตคู่มีแต่เดินหน้าไม่ได้มีแค่เพียงการให้ความรักที่แสนหอมหวานด้วยการมอบดอกไม้ทุกวันพิเศษ
การกอดกันแล้วหลับไป แต่คือการแสดงออกซึ่งความห่วงใย เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และหวังดี ซึ่งคุณทั้งคู่ควรมีและมอบให้กันอย่างสม่ำเสมอ