หลายคนคงจะเคยได้ยินกัน มาบ้างแล้วกับคำว่า “ศีลเสมอกัน” ที่มักจะกล่าวถึงการเลือกคู่ครองให้ดี แต่นอпจากนี้ยังมีคำสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่อง ศรัทธาเสมอกัน, จาคะเสมอกัน และปัญญาเสมอกันด้วย
1. ศรัทธาเสมอกัน
การมีศรัทธาเสมอกัน ห ม ายถึง มีความเชื่อ ความเลื่อมใสในศาสนาหรือสิ่งเคารพบูชาเดียวกัน รวมถึงมีความคิดเห็น จุดมุ่งห ม าย
และรสนิยมไปในทางเดียวกัน ไม่ขัดแย้งกัน แบบนี้เวลาอยู่ด้วยกันจะไม่เกิดการทะ เลาะเบาะแว้ง
หรือเถียงกันว่าความเชื่อของตนดีกว่า เด่นกว่า น่าเลื่อมใสศรัทธามากกว่า เพื่อเอาชนะความคิดของกันและกัน
ในปัจจุบันสังคมเราเปิดกว้างมากขึ้น อีกทั้งความรักก็ไม่เข้าใครออกใคร คนต่างชาติ ต่างศาสนาก็ข้ามน้ำข้ามทะเลมาพบกันได้
ทางที่ดีควรเคารพในความเชื่อของกันและกัน ไม่แบ่งว่าความเชื่อใครดีกว่าใคร เรียนรู้ในความแตกต่างทั้งความคิด วัฒนธรรม และความเชื่อของกันและกัน แบบนี้ก็ช่วยให้ชีวิตคู่มีความสุขได้
2. ศีลเสมอกัน
ข้อนี้ห ม ายถึงการมีความประพฤติ มารยาท และการปฏิบัติตนที่เห ม าะสมสอดคล้องกัน รู้จักให้เกียรติกันและกัน ไม่ต้องยกตนข่ มคู่ตัวเอง
หรือไม่ประพฤติปฏิบัติต่างกันจนเกินไปแล้วทำให้ชีวิตคู่เป็นทุกข์ ไม่ราบรื่น เช่น ฝ่ายหนึ่งขี้เห ล้ า แต่อีกฝ่ายหนึ่งคอยห้ามปราม ไม่ชอบการดื่มเหล่าและสิ่งผิดกฎห ม าย
เช่นนี้ชีวิตคู่ก็ไม่มีความสุข ความประพฤติไม่ตรงกัน ขัดแย้งกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็เรียกว่าศีลไม่เสมอกัน
3. จาคะเสมอกัน
จาคะ ห ม ายถึง การสละสิ่งของและความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น หากเป็นเรื่องของความรักและชีวิตคู่ก็คงจะเป็นเรื่องของความมีน้ำใจ ใจกว้าง
โอบอ้อมเอื้ออารีในระดับเสมอกัน รู้จักเป็นผู้ให้และผู้รับในเวลาที่เห ม าะควร รวมทั้งการให้แก่คู่รักและการทำทานแก่ผู้อื่นด้วย
หากว่าจาคะไม่เสมอกัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเห็นแก่ตัว ขี้เหนียว ขี้งก ชีวิตคู่ก็คงจะอยู่กันยาก
4. ปัญญาเสมอกัน
ในข้อนี้ไม่ได้ห ม ายความว่าทั้งคู่จะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในระดับเดียวกัน จบปริญญาวุฒิเท่ากันเป๊ะๆ นะคะ
แต่ปัญญาในที่นี้ห ม ายถึง การมีความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญที่เกื้อหนุนกันและกันได้
รู้ดี-ชั่ว รู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ และอะไรเป็นโทษ รวมถึงคอยรับฟัง เข้าใจในเหตุผลของกันและกัน และเป็นคู่คิดช่วยกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ต้องเผชิญ
หลายคนคงเกิดคำถามว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนๆ นี้กับเราจะมีทั้ง 4 ข้อเสมอกัน เรื่องนี้เราขอบอกว่าไม่ใช่เรื่องยาก
ให้คุณและเขาค่อยๆ ศึกษากันและกัน ทั้งนิสัยใจคอและการกระทำ ขอแค่เพียงคุณไม่ตัดสินใจเร่งรีบแต่งงาน
มีเวลาได้คบหากันสักนิด ก็จะสามารถรู้ได้ว่าคุณและเขาเป็นคู่กันตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ถ้าใช่ รับรองว่าชีวิตคู่ของคุณจะมีความสุขราบรื่นไปตลอดแน่นอน