ความย ากจน เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างต้องการหลีกเลี่ยงและรู้สึกหวาดกลัวหากต้องเผชิญหน้ากับมัน แต่เชื่อหรือไม่ว่านิสัยบางอย่างก็เปรียบเสมือนตัวถ่วงที่คอยฉุดรั้ง
ไม่ให้คนหลุดพ้นจากความย ากจนขึ้น มาได้เลย สิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากความย ากจน คือ การสำรวจตนเองว่ามีนิสัยใดบ้ างที่ทำให้ตนเองยังคง
ย ากจน หากพบนิสัยหรือพฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านั้นแล้ว ให้สลัดนิสัยหรือพฤติกรรมเหล่านั้นทิ้งเสีย เชื่อได้เลยว่าวันหนึ่งจะประสบกับความร่ำรวยอย่างแน่นอน
1. สนใจ แต่การเสี่ ยงโชค
คนจนจะสนใจ แต่การเสี่ ยงโชค เสี่ ยงดวง ยกตัวอย่างเช่น การใช้เงินในการซื้ อล็อตเตอรี่ การใช้เงินในการเล่นพ นั นบอล ด้วยพวกเขามีความคิดว่าการ พ นั นจะทำ
ให้รวยได้ในสักวันหนึ่ง ซึ่งความคิดนี้นับว่าเป็นความคิดที่ผิดอย่างยิ่ง เพราะการ พ นั น แม้จะได้รับเงิน มาจำนวน มาก แต่ก็สามารถหมดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน สิ่งที่
คนจนควรมุ่งมั่นคือ การนำเงินเก็บไปล งทุ นให้เกิดประโยชน์และมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ดีกว่าจะนำเงินเหล่านั้นไปเสี่ ยงโชคที่โอ กาสได้รับเงินกลับคืน มาน้อยเกินกว่า จะเรียกว่าการ ล งทุ น
2. ไม่ใฝ่เรียนใฝ่รู้
คนจนส่วน มากมักจะหยุดนิ่งอยู่กับที่และมั่นใจว่าความรู้ที่ตน มีนั้นเพียงพอต่อ การประกอบอาชีพแล้ว ทั้งที่ความเป็นจริงการเรียนรู้สามารถทำได้ตลอดทั้งชีวิต
เมื่อโลกยังคงหมุนในทุกๆวินาที ความเปลี่ยนแปลงบนโลกก็ยังคงสามารถเปลี่ยนไปได้ทุกวินาทีเช่นกัน ยิ่งหยุดนิ่งกับที่เท่าไรก็ยิ่งวิ่งตามโลกไม่ทันเท่านั้น หาก
ต้องการหลุดพ้นจากความย ากจนควรหัน มาสนใจในการเรียนรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดในแหล่งความรู้ต่าง ๆ ทั้งจากหนังสือ อินเทอร์เน็ต หนังสือเสียง โทรทัศน์ วิทยุ เป็นต้น
3. สนใจ แต่เรื่องของคนอื่น
คนจน มักจะสนใจ แต่เรื่องของคนอื่น การซุบซิบนิ นท า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ก่อประโยชน์ใด ๆ ให้กับรายได้ของพวกเขาเลย การสนใจเรื่องของผู้อื่น มากเกินไป
จะทำให้เกิดความรู้สึกอิ จฉ า เปรียบเทียบตนเอง จนในที่สุดก็กลายเป็นโทษโชคชะตา ต่างกับคนรวยที่มักจะสนใจกับเรื่องของตนเอง คิดวิธีการนำเงินไปต่อยอด
และคิดว่าจะนำเงินที่มีไปล งทุ นในด้านใด ล งทุ นอย่างไรจึงจะร่ำรวยมากขึ้นกว่าเดิม
4. คิดวันต่อวัน
คนจน มักจะคิดเอาตัวรอดไปแค่วันต่อวัน เช่น ทำงานวันนี้ได้เงิน มาก็ถือว่าหมดภาระ คิดเพียงแค่ว่าวันนี้มีแต่พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรก็ช่าง ไม่ได้สนใจ ถือว่าพรุ่งนี้
เป็นเรื่องของอนาคตที่ต้องคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จะเห็นได้ว่าคนจนไม่มีการวางแผนสิ่งใดเลย ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินสำหรับวัยเกษียณ การออมเงินสำหรับค่าเล่าเรียนบุตร เป็นต้น
5. มองโลกในแง่ลบ
คนจนส่วน มากมักมองโลกในแง่ลบ ยกตัวอย่างเช่น คนจน มักคิดว่าทำอย่างไรก็ไม่รวยขึ้น มาได้ มีชีวิตแบบนี้ก็เพียงพอแล้ว แต่ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงเขาเองก็มีศักยภาพ
เพียงพอในการทำสิ่งต่าง ๆให้ดีขึ้น มาได้ แต่คนจนเหล่านั้น มักติดกับดักทางความคิด มองทุกอย่างเป็นวิ ก ฤ ติ ไม่พย าย ามหาโอ กาสให้กับตนเอง เขาจึงไม่สามารถหลุดพ้นจากความย ากจนได้นั่นเอง
6. ทำงานเพื่อให้ได้เงินค่าจ้างเท่านั้น
คนจน มักจะทำงานเพื่อให้ได้เงินค่าจ้างวันต่อวัน โดยไม่คิดว่าจะทำอย่างไรให้ได้เงิน มากขึ้น หรือทำอย่างไรจะมีธุรกิจเป็นของตนเอง เพราะหากมีธุรกิจเป็นของตนเอง
เงินที่ได้รับจะต้องมากกว่าการทำงานเป็นลูกจ้างอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่แล้วคนจนจะไม่กล้าเสี่ ยงและมักหารายได้จากการใช้แรงงานของตนเอง เพื่อให้อุ่นใจว่าจะมีรายได้แน่นอนทุกวัน
7. ไม่กล้ารับความเสี่ ยง
คนจนจะไม่กล้ารับความเสี่ ยง เช่น การล งทุ นในสินทรัพย์ต่าง ๆ เพราะพวกเขาคิดว่าการล งทุ นคือความไม่แน่นอน ความคิดของพวกเขา หากได้รับเงินก้อน มาก้อนหนึ่ง
เขาจะฝากไว้ในบัญชีและใช้เงินก้อนนั้นไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดลง ต่างจากคนรวยที่มักใช้เงินในการล งทุ นที่ แม้จะเสี่ ยงแต่ก็คุ้มค่า หากได้รับผลตอบแทนที่มีมากกว่า
การฝากเงินในบัญชี โดยก่อนที่จะล งทุ น คนรวยจะศึกษาความเป็นไปได้ของการล งทุ นให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ
8. สนใจ แต่ว่าจะนำเงินที่มีไปใช้อย่างไร
คนจนจะสนใจในการนำเงินไปใช้ หรือมองหาหนทางนำเงินไปสร้างความสุขให้กับตนเอง ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวจนเกินความจำเป็น การซื้ อของแบรนด์เน ม
การกินหรูอยู่สบาย จะเห็นได้ว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีมูลค่าลดลงและเป็นตัวการที่ทำให้เงินเก็บลดน้อยลง
9. ไม่ลงมือทำสิ่งที่ตนเองสนใจ
คนจนบางคน มีความรู้มากพอทำธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าหาญพอที่จะลงมือทำ ด้วยคนจน มักจะมีความคิดที่ว่า หากทำลงไปแล้วอาจจะสู้คนรวยไม่ได้
ด้วยความคิดเช่นนี้ ความฝันของคนจนจึงไม่สามารถกลายเป็นความจริงได้ในที่สุด แตกต่างกับคนรวยที่ หากสนใจทำสิ่งใดก็จะศึกษาเรื่องนั้นและลงมือทำเลย
แม้จะได้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามหวัง แต่ก็ได้ประสบการณ์ที่หล่อหลอมให้เก่งกว่าเดิม ให้มีความรอบคอบ ความละเอียดต่อ การทำงาน มากกว่าเดิม
10. ขี้เหนียว
คนจนส่วนใหญ่มักจะขี้เหนียวและไม่ชอบทำบุญ เพราะเขามีแนวคิดที่ว่ากว่าจะได้เงิน มาก็เหน็ดเหนื่อยแล้วเพราะอะไรเขาจึงต้องนำเงินไปทำบุญ แต่จริง ๆ แล้วความคิดนี้
นับเป็นความคิดที่ผิด เพราะยิ่งให้ก็ยิ่งได้รับ ยิ่งให้ยิ่งมีความสุข ในขณะเดียวกัน หากขี้เหนียวในการทำบุญ หรือ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เขาก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากใคร
ย ามเมื่อเขาต้องลำบาก บางครั้งการให้ก็อาจนำพาผลดีหลาย ๆ ด้าน มาสู่ตัวผู้ให้ แม้ไม่ใช่ผลตอบแทนทางเงิน แต่ก็เป็นการได้รับผลตอบแทนทางใจ
หากสามารถปรับเปลี่ยนนิสัยของตนเองได้ด้วยความตั้งใจอย่างแท้จริง พร้อมทั้งมีความขยัน อดทน มุ่งมั่นสู่เป้าห ม าย รับรองได้ว่าอนาคตจะหลุดพ้นจากความย ากจนได้อย่างแน่นอน