6 เหตุผลที่คุณ เก็บเงินไม่อยู่ซักที

ประเด็นหลักในการ เก็บเงินไม่อยู่ สักทีนั่นก็คือ การใช้เงินแบบผิด ๆนั่นเอง ซึ่งให้คุณก้าวไปไม่ถึงความรวย รู้หรือไม่ว่าเหล่านี้แหละคือตัวปัญหา

เชื่อว่าหลายคนอยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีเงินทองมากมาย และคงหนีไม่พ้นความมั่งคั่งและความสุขสบาย แต่ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหน ได้เงิน มาจำนวน มากเท่าไร แต่ก็ดูเหมือนเส้นทางสู่ความรวยก็ยังคงอีกไกลอยู่ดี

1. การขาดแรงกระตุ้นในการออมเงิน

หลายคนปล่อยให้เงินในบัญชีเหลือเพียงแค่หลักพัน หลักร้อย หรือน้อยกว่านั้น นั่นเป็นเพราะคุณยังไม่มีแรงกระตุ้นที่จะทำให้รู้สึกอยากเก็บเงิน มากเท่าที่ควร ลองมาตั้งเป้าห ม ายอย่างชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

อาจจะเริ่มต้นจากเป้าห ม ายสั้น ๆ โดยการ แข่งกันเก็บเงินกับเพื่อน ว่าภายใน 3 เดือน ใครจะมีเงินเก็บที่มากกว่ากัน แ

ละหลังจากนั้นคุณสามารถเก็บเงินหรือพัฒนาและมีเป้าห ม ายอย่างไรบ้างในการเก็บเงินในเดือนถัดๆไป คราวนี้คุณจะเก็บเงินกันจริงจังมากขึ้นอย่างคาดไม่ถึงเลยล่ะ

แต่ถ้าหากใครที่ไม่อยากถึงขนาดต้องแข่งขันเก็บเงินกับเพื่อนขนาดนั้น สิ่งที่ทำได้คือ เอาชนะใจตัวเองให้ได้ โดยการข่ มใจตัวเองไม่ให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินตัว เป็นต้น

หากของเก่ายังใช้ได้ จริงๆแล้วเราไม่มีความจำเป็นเลยที่จะซื้อของใหม่อีก หากมองข้ามของเก่าที่มีราคาค่อนข้างสูงที่ยังใช้งานได้ดีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ

หรือเสื้อผ้าบางชุด ชุดเฟอร์นิเจอร์ ของประดับตกแต่งบ้าน แล้วควักกระเป๋าซื้อของใหม่อยู่บ่อย ๆ เพียงเพราะอยากอัพเดทตามเทรนด์ นั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณหมดเงินจำนวน มากไปอย่างไม่รู้ตัว

เช่น ซื้อรถก็มักจะมาพร้อมดอ กเบี้ย และค่าใช้จ่ายแฝงอย่างค่าซ่อม ค่าน้ำมัน เป็นต้น เมื่อนำมาคำนวณเป็นเงินก้อนแล้ว ก็เป็นยอดเงินไม่ใช่น้อยเลยนะคะ ดังนั้นอะไรที่ยังใช้งานได้อยู่ก็ทนใช้ไปก่อน แล้วเก็บเงินก้อน มาลงทุนต่อยอดจะดีกว่า

2. ตามติดเทคโนโลยีมากเกินไป

ควรคำนึงถึงความจำเป็นและประโยชน์ใช้สอยมากกว่า การฮิตตามกระแส ซึ่งนอ กจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังเสียเงินโดยไม่จำเป็นอีกต่างหาก

เช่น อุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นความไฮเทคที่มีราคาสูง แต่เมื่อซื้อมาใช้แล้วราคาก็จะร่วงลงอย่างรวดเร็วจนตกใจ

ดังนั้นหากคุณเป็นคออยากจะมีอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ครอบครองแทบทุกรุ่น ควรหักห้ามใจซื้อเฉพาะรุ่นที่คุ้มค่าดีกว่าค่ะ รับรองจะเหลือเงินเก็บมากขึ้นอีกเยอะ

3. ซื้อของแบรนด์เน มมากเกินไป

ของแบรนด์เน มที่การันตีคุณภาพ เพราะสิ่งของเหล่านี้มีราคาสูง และเป็นตัวการทำให้เงินของคุณไปจมอยู่เป็นจำนวน มาก

ลองเปลี่ยน มาเป็นหาซื้อของใช้แบบเดียวกันที่ไม่ใช่แบรนด์ดังมาเปรียบเทียบ หากพอใช้งานแทนกันได้ก็ซื้อมาใช้แทนดีกว่า เพราะเงินส่วนต่างของราคานำมาเป็นเงินเก็บได้เป็นกอบเป็นกำเลยล่ะ

4. ซื้อหนังสือเยอะเกินไปมั๊ย

สำหรับข้อนี้ผู้เขียนก็เป็นค่ะ เพราะด้วยความที่ชอบอ่านหนังสือ แต่หลังๆคือจะคิดก่อนซื้อทุกครั้ง ซึ่งก็ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย เราต้องดูตัวเองด้วยว่าซื้อหนังสือมาแล้วเราอ่านจริงไหม

ถ้าไม่ก็ไม่จำเป็น มากที่จะซื้อมาเก็บไว้ หากเราพอมีเวลาที่จะอ่านจริงๆ เราค่อยไปซื้อทีหลังก็ได้ค่ะ ซึ่งการซื้อหนังสือบ่อยเกินไป การชอบอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ดี

แต่การ–ซื้อหนังสือบ่อยเกินไปอาจรวมกันได้เงินค่าหนังสือ ก้อนใหญ่พอสมควร ดังนั้นเพื่อความประหยัด หนังสือบางเล่มที่เห ม าะกับการอ่านครั้งเดียว

ลองเปลี่ยน มาเป็นหุ้นกับเพื่อนซื้อแล้วแลกกันอ่านหรือเช่าอ่าน หรือหาอ่านฟรี ๆ ในเว็บไซต์น่าจะประหยัดเงินได้มากกว่า ส่วนเล่มไหนที่ชอบมาก ๆ อยากซื้อเก็บก็ไม่ว่ากันจ้า

5. ใจไม่กล้าพอที่จะกล้าลงทุนให้เงินงอ กเงย

เพราะกังวลว่าจะต้องสูญเสียเงินเก็บไป แต่ความจริงแล้วการแบ่งเงินบางส่วนไปลงทุนเพื่อได้กำไรที่มากกว่าดอ กเบี้ยเงินฝาก ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะเพิ่มจำนวนเงินของคุณได้เร็วขึ้น หรือสามารถหาเงินกลับมาสูการออมได้อย่างคุ้มค่าขึ้น

6. การซื้อน้ำเปล่ากินทุกวัน

หลายคนชอบซื้อน้ำเปล่าและน้ำแร่แบบขวดมาดื่มเป็นประจำ แต่เคยลองคำนวณเล่น ๆ กันไหมคะว่าค่าน้ำขวดในแต่ละวันเป็นจำนวนเงินเท่าไร

ลองเปลี่ยน มาดื่มน้ำกรองในตู้เย็นที่บ้าน หรือพกขวดน้ำส่วนตัวเวลาออ กไปข้างนอ กแทนดีกว่า จะช่วยให้คุณเหลือเงินหยอดกระปุกเพื่อเป็นการออมเงินในแต่ละวันได้ดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *