“เป้าห ม าย” คือเครื่องชี้ให้เห็นว่า ฉันจะออมเงินส่วนนี้ไปเพื่ออะไร? บางคนอาจต้องการมีบ้านในฝัน บางคน มีบ้านแล้ว แต่ก็ต้องการเงินเพื่อตบแต่งบ้านให้สวยขึ้น หรือแม้แต่การซื้อเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้าน ล้วนแต่ต้องใช้เงินนอ กเหนือเงินใช้จ่ายประจำทั้งนั้น
1. กล่าวย้ำเป้าห ม ายที่ต้องการ
เมื่อไหร่ก็ตามที่จำเป็นต้องเก็บหอมรอมริบเงินจากการใช้จ่ายปกติ มันสำคัญมากที่จะต้องรู้ว่า ออมเงินจำนวนนี้เพื่อเป้าห ม ายใด การกำหนดเป้าห ม ายสุดท้ายที่ชัดเจนจะช่วยให้เกิดความมุ่งมั่นในการเก็บออมมากขึ้นได้
2. จัดสรรงบประมาณ
การตั้งงบประมาณเป็นสิ่งแรกที่มักนึกถึง เวลาต้องการออมเงินเพื่อเป้าห ม ายสักหนึ่งอย่าง ปฎิเสธไม่ได้ว่า ความตั้งใจในการตั้งงบประมาณเป็นสำคัญ
แต่ความจริงแล้ว วิธีการจัดสรรงบประมาณนั้น มีความสำคัญกว่า เพราะบ่อยครั้งที่การวางแผนการเงินระยะยาว
ล่วงหน้าเป็นรายปี จะไม่มีความยืดหยุ่น ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่สามารถทำได้ผล แต่สำหรับ การวางแผนการเงินระยะสั้น-กลาง
เช่น งบประมาณรายเดือน หรือ ช่วงเวลาเฉพาะตามลักษณะการใช้จ่ายเงิน เป็นต้น สิ่งนี้จะช่วยให้สามารถปรับงบประมาณได้อย่างลงตัวและคล่องตัวมากกว่า ยิ่งในช่วงเวลาใดที่ต้องการใช้จ่ายมากเกินไปหรือน้อยเกินไปกว่าช่วงเวลาปกติ
3. ละทิ้งค่าใช้จ่ายส่วนเกิน
ลองประเมินตัวเลขดูว่า ค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่ถูกละเลยไปนั้น แ อ บซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวัน มากน้อยเพียงใด เช่น งานสังสรรทุกคืนวันศุกร์, ใช้จ่ายเพื่อสะสมแต้มแลกรางวัล หรือ กาแฟตามค่านิยมที่มีราคาแสนแพง เป็นต้น
แม้ว่าการใช้จ่ายต่อครั้งเหล่านี้จะไม่ได้เป็นตัวเลขเยอะ แต่หากนำมารวมกันกลายเป็นตัวเลขยอดสะสม จะพบว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย
เช่น ดื่มกาแฟแก้วละ 100 บาท 1 แก้วต่อวัน จะทำให้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น 700 บาท/สัปดาห์ หรือ 2,800 บาท/เดือน เป็นต้น จะดีกว่าไหมหาก เปลี่ยนค่าใช้จ่ายส่วนเกินเป็นเงินออม เพื่อบรรลุสู่เป้าห ม ายที่ตั้งไว้
4. พร้อมโยกย้ายธุรกรรมการเงิน
เคยติดตามสถานการณ์การเงินการธนาคารของตัวเองหรือไม่ ? ไม่ต้องแปลกใจหากคำตอบที่ได้คือ “ไม่” และไม่ได้ห ม ายความว่าเป็นความผิดปกติทางการเงินแต่อย่างไร เพียงแต่สิ่งนี้จะช่วยให้พบ เงื่อนไขดีๆ ที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย
หรือเพิ่มรายได้รูปแบบดอ กเบี้ยเงินฝาก จากการเปลี่ยนแปลงการบริการของธนาคาร รวมไปถึงโปรโมชั่นต่างๆ ได้ เช่น รูปแบบบริการใหม่ของธนาคารเดิมที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่ำกว่า ,การโยกย้ายธุรกรรมการเงินไปธนาคารใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ,การฝากเงินตามโปรโมชั่นที่ให้อัตราดอ กเบี้ยเงินฝากสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด เป็นต้น ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้คุณมีเงินออมมากขึ้นและเร็วขึ้นได้ไม่มากก็น้อย
5. หาแนวร่วมช่วยเตือนใจออมเงิน
ประกาศให้ครอบครัว ,เพื่อน หรือคนใกล้ชิดรอบตัว ทราบว่า เรากำลังออมเงินอยู่ หากอาศัยอยู่กับครอบครัว ทางเลือ กที่พอจะช่วยออมเงินได้เพิ่มขึ้น
คือ รีบฝากเงินออมของเรากับสมาชิกครอบครัวที่เราไว้ใจ นำเงินไปฝากธนาคาร เพื่อเป็น บัญชีเงินฝากพิเศษส่วนตัว ของคุณ ช่วยลดปัญหาก่อนที่คุณจะอดใจไม่ไหวและใช้จ่ายเงินออมส่วนนั้นไปได้
6. รีบชำระหนี้บัตรเครดิต
บัตรเครดิตไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัวในการใช้จ่าย เพียงแต่ต้องมั่นใจว่า สามารถชำระยอดการใช้จ่ายบัตรเครดิตได้ตรงตามเวลา ปัญหาติดหนี้บัตรเครดิตย่อมไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
หลายคนละเลยการจ่ายชำระหนี้ ทำให้เป็นหนี้เงินต้นพร้อมกับดอ กเบี้ยพอ กหนาขึ้นไปเรื่อย แถมซ้ำร้ า ยเข้าไปอีก หากแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตใบนี้ด้วยบัตรเครดิตใบอื่นต่อไปเรื่อย
ยิ่งเป็นการเพิ่มหนี้อย่างไม่รู้จบ หากคุณยังคงมีปัญหาหนี้บัตรเครดิตเหล่านั้น แนะนำเปลี่ยน มา ใช้บัตรเดบิตแทน เพราะบัตรเดบิตนี้ จะใช้จ่ายได้จริงตามจำนวนเงินในบัญชี
จึงช่วยจำกัดการใช้จ่ายของคุณได้ เท่านี้เงินออมที่คุณเฝ้าระวัง ก็ไม่ต้องมารับภาระหนี้บัตรเครดิตแทนแล้ว
7. สมัครเป็น VIP member
เหล่ากิจการร้านค้า มักสร้าง Brand Royalty ด้วยการมอบสิทธิพิเศษแก่ลูกค้าเจ้าประจำ อย่างบัตรสมาชิกหรือ บัตร VIP member สิ่งนี้สามารถ ลดราคาสินค้าหรือบริการที่เราใช้ในชีวิตประจำวันได้
นอ กจากนี้ ยังได้รับสิทธิพิเศษตามเทศกาลอีกด้วย การเก็บเล็กผสมน้อยด้วยการลดรายจ่ายประจำเหล่านี้ จะช่วยให้ออมเงินเพิ่มขึ้นได้อย่างคาดไม่ถึง