เป็นความจริงที่ต้องยอมรับว่าการเป็นหนี้ นั้นต้องอยู่คู่กับระบบของสังคมของโลกไปตราบนานเท่านาน การที่บอ กว่าอย่าก่อหนี้ อย่าสร้างหนี้นั้น อาจจะเป็นเพียงคำพูดทางทฤษฎี
หรือ กล่าวโดยคนที่ไม่เคยมีความจำเป็นต้องสร้างหนี้เลยก็ได้ หนี้จึงเป็นเหมือนทั้งตัวช่วยและเป็นตัวถ่วงชีวิตได้ทั้งสองทาง อยู่ที่ว่าบุคคลนั้นก่อหนี้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร
ถ้าเราเข้าใจสาเหตุของการเป็นหนี้ ก็จะหาทางรับมือได้ทัน บางกรณีก็ไม่จำเป็นต้อง เป็นหนี้ เลยก็ได้ แต่บางกรณีก็อาจจำเป็นต้องสร้างหนี้ ซึ่งมีหลากหลายสาเหตุดังนี้
1. เป็นหนี้เพราะว่าอยากได้ของที่ต้องการมาใช้ก่อน
บางครั้งความต้องการของคนเราก็เป็นสิ่งที่รอไม่ได้ เช่น ต้องการซื้อเครื่องเสียงหรือทีวีที่กำลังลดราคา หรือมีโปรโมชั่นผ่อน 0% 10 เดือน ทั้งที่ความเป็นจริง
ของบางอย่างอาจจะยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานเร่งด่วน แต่บางคนก็จำเป็นจริง ๆ เช่น ทีวีเสีย หรือต้องเปลี่ยนยางรถยนต์เนื่องจากเสื่อมสภาพแล้วและต้องขับรถทางไกล เป็นต้น
2. เป็นหนี้เพราะว่าไม่สามารถหมุนเงินได้ทัน
การเป็นหนี้ลักษณะนี้มักเกิดจากการใช้บัตรเครดิตและไม่สามารถหาเงิน มาชำระได้ทันกำหนด เมื่อเงินที่คาดว่าจะได้รับไม่สัมพันธ์กับจำนวนเงินที่ต้องชำระ
ก็จำเป็นต้องเป็นหนี้บัตรเครดิตไปก่อนโดยชำระขั้นต่ำ ถ้ามีหนี้ลักษณะนี้ควรรีบหาเงิน มาชำระให้ครบตามส่วนโดยเร็ว เพราะว่ามีดอ กเบี้ยสูงและจะเป็นภาระที่เพิ่มเติมมากขึ้นไปอีกในระยะยาวถ้าไม่สามารถปิดยอดหนี้ได้เร็ว
3. เป็นหนี้เพราะว่ามีค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้
แต่ละครัวเรือนก็มีรายการค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน เมื่อถึงเวลาที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ หลายคนจึงต้องกู้หนี้ยืมสินทั้งจากคนรอบข้าง เพื่อน ๆ ญาติสนิท ขอสินเชื่อจากธนาคารหรือนำทรัพย์สินไปจำนำ
ควรพิจารณาเงินกู้ที่มีดอ กเบี้ยน้อยที่สุดและมีระยะเวลาการชำระเงินที่ช่วยให้สามารถบริหารเงินได้ ควรหลีกเลี่ยงการกดเงินสดโดยตรงจากบัตรเครดิตและการกู้หนี้นอ กระบบ นอ กจากนี้ต้องพยายามหาหนทางหารายได้ให้เข้ามาได้มากกว่าเดิม
4. เป็นหนี้เพราะว่ามีนิสัยใช้เงินเกินตัว
สิ่งนี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล สำหรับบางคนแล้วอาจจะมีทัศนคติต่อเงินว่าเป็นทาสของคนเรา เมื่อมีเงินแล้วต้องใช้เงินเพื่อใช้ประโยชน์จากเงินให้เต็มที่ ซึ่งเป็นทัศนคติที่ผิดที่ทำให้ไม่ระมัดระวังการใช้จ่าย
เมื่อเห็นของที่ชอบก็สามารถซื้อได้โดยไม่ลังเล เมื่อเป็นอย่างนี้บ่อย ๆ ก็จะเริ่มใช้เงินที่หามาได้หมดไปอย่างรวดเร็ว เกิดอาการชักหน้าไม่ถึงหลัง
ยิ่งถ้าใครชอบรูดบัตรเครดิตก็ยิ่งมีโอ กาสอย่างมากที่จะเป็นหนี้ การเป็นหนี้ลักษณะนี้เกิดจากไม่มีการวางแผนการใช้เงิน จึงไม่รู้ว่าควรจะใช้เงินเท่าใดเพื่ออะไรทำให้ขาดความเฉลียวใจเวลาใช้เงินซื้อสิ่งของต่าง ๆ
5. เป็นหนี้เพราะต้องการสร้างธุรกิจของตนเอง
การทำธุรกิจต้องใช้เงินทุนสูงแล้วแต่ว่ามีลักษณะธุรกิจเป็นอย่างไร หากมีการจ้างพนักงาน เช่าพื้นที่สำนักงาน ก็จะยิ่งมีค่าใช้จ่ายตามมาอย่างมากมายเป็นเงาตามตัว
และยังต้องมีทุนหมุนเวียนสำหรับผลิตสินค้าและบริการรวมถึงการประชาสัมพันธ์และการหาช่องทางจัดจำหน่าย หนี้ลักษณะนี้ก็ถือว่าเป็นหนี้ที่มีประโยชน์
เพราะสามารถสร้างรายได้กลับมาได้ สิ่งสำคัญก็คือ การศึกษาถึงธุรกิจที่จะลงทุนให้แน่ชัดก่อน ทั้งเรื่องระยะเวลาคืนทุนและผลกำไรตามช่วงเวลาต่าง ๆ
เพื่อจะได้สามารถจัดการบริหารหนี้สินไปพร้อม ๆ กับการดำเนินธุรกิจ กรณีนี้ถ้ากู้เงินจากธนาคารก็จะมีการขอพิจารณาแผนธุรกิจเป็นสำคัญก่อนอนุมัติให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ
6. เป็นหนี้จากการค้ำประกันให้ผู้อื่น
หนี้ลักษณะนี้เกิดจากความไม่ตั้งใจ เพราะว่าอยากช่วยเหลือผู้อื่นหรือด้วยเหตุผลอื่นใดก็ตามที จึงยอมเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้บุคคลอื่น แล้วถ้าผู้กู้เบี้ยวหนี้ไป
คนที่จะรับเคราะห์ก็คือผู้ค้ำประกันนั่นเอง การไม่รับค้ำประกันหนี้ให้ใครจึงเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด เพราะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อประโยชน์ใด ๆ กับตนเองเลย
7. เป็นหนี้จากการพ นั น
มีคนจำนวน มากที่ห ล งมัวเมากับการพ นั นทั้งหลาย เมื่อเล่นเสียแล้วไม่มีเงินจ่าย ก็จะเป็นหนี้ที่ต้องรีบหาเงิน มาจ่ายโดยเร็ว เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นได้ง่ายและมีโอ กาสเป็นหนี้ได้มากเพราะง่ายต่อ การพ นั นด้วยเงินเดิมพันสูง
หนี้ลักษณะนี้เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เป็นหนทางของอบายมุขที่จะนำไปสู่ความเสื่อมอย่างแท้จริง บุคคลพึงหลีกเลี่ยงทุกกรณีจึงจะช่วยให้ไม่ตกหลุมพรางของการพ นั นได้
8. เป็นหนี้จากความประมาท
กรณีการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจนั้น มีประโยชน์มาก เพราะว่ามีวงเงินคุ้มครองทั้งชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่นตามเงื่อนไขของกรมธรรม์แต่ละประเภท
หากไม่มีประกันภัยไว้เลย เมื่อเป็นฝ่ายผิดก็จะต้องชำระค่าเสียหายและค่าซ่อมรถยนต์ของคู่กรณีรวมถึงรถของตนเอง การเดินทางบนท้องถนนที่มีรถยนต์หนาแน่นจึงควรที่จะมีประกันภัยภาคสมัครใจไว้ด้วย
เพราะว่าสามารถช่วยคุ้มครองความเสี่ยงทางการเงินได้เมื่อเกิดเหตุที่ต้องมีการซ่อมรถตนเองและคู่กรณี หรือค่ารักษาพยาบาลทั้งตนเองและคู่กรณี โดยมีวงเงินจากบริษัทประกันภัยช่วยสนับสนุนทำให้ไม่กระทบกับฐานะทางการเงินของตนเอง