การที่ลีกาชิงประสบความสำเร็จได้ถึงเพียงนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่เขาเป็นคนที่รักการเรียนรู้ โดยเฉพาะการอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก
ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ทำงานหนัก แต่ก็ยังจัดสรรเวลาเพื่อที่จะได้มีเวลาอ่านหนังสืออยู่เสมอ ลีกาชิงถือได้ว่าเป็นต้นแบบของคนที่เรียนรู้แบบไม่มีวันจบสิ้น ซึ่งเขามีความเชื่อว่ามนุษย์เราไม่สามารถที่จะหยุดเรียนรู้ได้
ในสมัยที่ยังเด็ก เขาได้ซื้อหนังสือเก่ามาอ่าน พออ่านจบก็จะนำไปขายเพื่อที่จะได้ซื้อหนังสือเก่าเล่มอื่นๆ มาอ่านต่ออีก เรียกได้ว่าความรู้พื้นฐานของลีกาชิงก็มาจากหนังสือเก่าเหล่านั้นนั่นเอง
ถึงแม้ว่าการอ่านหนังสือจะไม่ได้เป็นการการันตีว่าจะประสบความสำเร็จ แต่ลีกาชิงก็เชื่อว่าการอ่านหนังสือจะทำให้เห็นโอ กาส
และโอ กาสนั้นเองที่จะนำพาให้คนเราไปสู่ความสำเร็จได้ ซึ่งจากการที่เขาอ่านหนังสือเยอะมาก ทำให้เขามีข้อมูลมากพอ
ในการที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ของเศรษฐกิจ และรู้ถึงวัฏจักรในแต่ละธุรกิจเป็นอย่างดี ทำให้เขาประสบความสำเร็จในการทำทุกๆ ธุรกิจที่เขาดำเนินการเลยทีเดียว
1. เงินสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 30% :
เป็นเงินที่ใช้เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะค่าอาหาร เงินในส่วนนี้เป็นส่วนที่คนส่วนใหญ่ควบคุมได้ยากมาก เพราะต้องมีวินัยอย่างสูงในการควบคุมค่าใช้จ่าย
ซึ่งคนทั่วไปมักจะพลาดกัน โดยมักแยกไม่ออ กว่าสิ่งที่จำเป็นจริงๆ กับสิ่งที่อยากได้นั้น มันต่างกัน ในวันที่คุณยังมีเงินไม่มาก
คุณอาจต้องยอมกินข้าวจากร้านอาหารถูกๆ ไม่ใช่ไปกินร้านอาหารหรูๆ จนค่าใช้จ่ายบานปลายจนควบคุมไม่อยู่
2. เงินสำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่น 20% :
เป็นเงินที่ใช้เพื่อเอาไปเลี้ยงผู้อื่น โดยลีกาชิงยังได้แนะนำอีกว่า คนที่เราควรเลี้ยงนั้น ควรเป็นคนที่รวยกว่าหรือมีความรู้มากกว่าเรา
เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้ความรู้ดีๆ จากเขาได้ ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ยังรวมถึงค่าโทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อ กันด้วย
3. เงินสำหรับค่าใช้จ่าย เพื่อ การเรียนรู้ 15% :
เงินส่วนนี้ให้นำไปหาความรู้ เช่น ซื้อหนังสือที่มีประโยชน์ (แนะนำว่าควรอ่านและ Short Note ไปด้วย และเมื่ออ่านจบควรถ่ายทอดให้ผู้อื่นฟังด้วย)
รวมถึงการไปอบรมสัมมนาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้เฉพาะทางด้านวิชาชีพ หรือเกี่ยวกับการเงินและการลงทุนก็ได้
4. เงินสำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อไปต่างประเทศ 10% :
เป็นเงินที่เตรียมไว้สำหรับท่องเที่ยวในวันหยุด เป็นการเปิดหูเปิดตา เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับตัวเอง และยังเป็นการให้รางวัลกับตัวเองอีกด้วย
5. เงินสำหรับออมเพื่อเป็นทุนในการเริ่มทำธุรกิจ 25% :
เป็นเงินที่เตรียมไว้สำหรับลงทุนในอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการค้าขาย การลงทุนในพันธบัตร ตราส า รทางการเงินต่างๆ หุ้น กองทุนรวม ฯลฯ
การบริหารหรือ การจัดสรรเงินเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรทำ ไม่ใช่ต้องรอให้มีเงินเยอะก่อนแล้วค่อยบริหาร แต่คุณต้องคิดว่าเพราะคุณบริหารเงินต่างหาก คุณถึงมีเงิน มากขึ้น