ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ หลายคนคงกำลังประสบปัญหาจากภาระหนี้สินที่ตนเองสร้างขึ้น ยอดเงินผ่อนชำระหนี้สะสมมากขึ้นทุกๆเดือน ค่าใช้จ่ายจำเป็นเริ่มถูกเบียดบัง
เพราะต้องกันเงินไว้ชำระหนี้ สิ่งเหล่านี้ล้วน มีผลมาจากวินัยทางการใช้จ่ายที่ผิด ไม่ว่าจะเป็น การใช้เงินเกินตัว ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยจนเป็นนิสัย
1. ปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในแต่ละวัน
ย้อนกลับมาดูว่าในแต่ละวัน คุณใช้จ่ายเงินไปเท่าไหร่ และมีอะไรที่พอจะปรับลดได้บ้าง เช่น ค่ากาแฟในร้านหรูที่คุณต้องแวะดื่มทุกวันก่อนเข้าทำงาน
และน้ำผลไม้ปั่นสมูทตี้ที่ต้องติดมือ กลับออฟฟิศในช่วงบ่าย เหล่านี้คุณเคยลองคำนวณดูบ้างหรือไม่ว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ต่อเดือน
แทบทุกอาคารสำนักงานในกรุงเทพ มักจะมีร้านค้าเช่าต่างๆมาวางขายสินค้าล่อต่าล่อใจพนักงานอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร
และสินค้าเบ็ดเตล็ดอื่นๆที่เกินความจำเป็น คุณเคยกลับบ้านแล้วรื้อถุงสินค้าขึ้น มานั่งถามตัวเองทีละชิ้นไหม ว่ากระเป๋าใบนี้คุณซื้อมาทำไมทั้งที่ก็มีประเป๋าอยู่หลายใบแล้ว
หรือเคสมือถือส า รพัดรูปแบบที่ใส่ได้ก็เพียงครั้งละอัน อันเก่าก็ยังใช้งานได้ แต่พอเห็นอันใหม่ล่อตาล่อใจกว่า ก็อดซื้อไม่ได้ จนถ้าจะกล่าวจริงๆ ในเดือนหนึ่งสามารถถอดเปลี่ยนได้ไม่ซ้ำ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวฉุดสถานะทางการเงินของคุณให้ตกต่ำลงอย่างไม่รู้ตัว โดยคิดว่าช้อปปิ้งแค่ครั้งละสองสามร้อยจะเป็นไร
หากคุณปรับลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเหล่านี้ลงได้ คุณก็จะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
2. เพิ่มรายได้จากความถนัด
พิจารณาถึงความถนัด หรือความสามารถพิเศษต่างๆของคุณ ได้เวลาที่คุณต้องใช้มันเพื่อหารายได้เสริมแล้ว หากไม่เป็นอะไรเลย ก็ไปเรียนซะ
ปัจจุบันศูนย์ฝึกวิชาชีพมีมากมาย หลายแห่งเรียนฟรี มีบางแห่งที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เริ่มต้นที่ 150-300 บาท แล้วแต่สถานที่และวิชาชีพที่เปิดสอน
เพียงคุณงดกาแฟแค่วันสองวัน คุณก็สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนพวกนี้ได้แล้ว หรือหากคุณมีความสามารถพิเศษในด้านภาษา
คุณสามารถรับสอนพิเศษตามบ้านในราคาที่ต่ำกว่าสถาบันกวดวิชาทั่วไป เน้นคุณภาพในราคาที่สมเหตุสมผล
เพื่อให้ผู้เรียนบอ กต่อ ท้ายที่สุดแล้วอาชีพนี้อาจพัฒนามาเป็นอาชีพอิสระในอนาคตของคุณเลยก็ได้ใครจะรู้
3. มีมากก็จ่ายมาก
จ่ายในที่นี้ไม่ได้ห ม ายถึงใช้จ่าย แต่เป็นการชำระหนี้ต่างหาก ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรดองหนี้ด้วยการชำระขั้นต่ำทุกเดือน
เพราะนั่นห ม ายถึงคุณต้องเสียดอ กเบี้ยโดยไม่จำเป็น หากเดือนไหนคุณได้เงินโบนัสพิเศษเกิน มาจากเงินเดือน
ให้นำเงินก้อน มาชำระหนี้เต็มจำนวนซะ เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องจ่ายดอ กเบี้ยที่เกิดจากการชำระขั้นต่ำทุกเดือนแล้ว
นอ กจากนี้ควรหักห้ามใจไม่เข้าสู่วงเวียนเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นกดเงินออ กมาใช้ใหม่อีกรอบ หรือรูดซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างไม่คิด จงเก็บบัตรเหล่านั้นไว้ใช้เฉพาะช่วงเวลาที่ติดขัดจริงๆ น่าจะดีกว่า
4. ขายทุกสิ่งที่เกินความจำเป็น
กระเป๋าแบรนด์เน ม รองเท้า หรือสิ่งอื่นๆที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้ ถ่ายรูปลงประกาศขายในเว็ปไซต์ให้หมด รื้อออ กมาแล้วชั่งใจไปทีละชิ้น
ว่ามัน มีความจำเป็นต่อชีวิตของคุณในช่วงเวลานี้สักแค่ไหน ถ้าเสียมันไปคุณจะอยู่ได้ไหม ยกตัวอย่างเช่น หนังสือนิยายที่คุณขนซื้อมาเต็มห้องพัก
อ่านจบหมดแล้วแต่ยังหวงแหนเก็บไว้ ซึ่งในระยะยาวคุณอาจเสียค่าขนส่งเวลาย้ายมันกับบ้าน หรือไปพักอาศัยที่อื่น เห็นไหมว่ามีแต่เสียกับเสีย
ตัดใจแล้วถ่ายรูปประกาศขายไปซะ อย่าลืมว่า คุณมีโอ กาสซื้อใหม่ได้อีกเป็นร้อยๆเล่ม ถ้าคุณหมดภาระหนี้สินแล้ว
5. สร้างวินัยให้ตนเอง
คุณต้องทำทั้งสี่ข้อข้างต้นนั้นอย่างมีวินัย ห้ามท้อแท้ ถอดใจ หรือรักสบายจนทำให้พลาดโอ กาสในการปลดหนี้ครั้งนี้เด็ดขาด อย่าลืมว่า ชีวิตคุณตอนนี้ก็ผ่าน มาแล้วถึงครึ่งชีวิต
ถ้าคุณไม่รีบปลดภาระ อนาคตที่เหลือของคุณก็จะมืดมนไร้หนทาง อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะจะทำให้คุณไม่มีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
แต่จะมีเพียงวันพรุ่งนี้ที่ย่ำอยู่กับที่ แล้วในที่สุดคุณก็จะกลายเป็นคนชรายากไร้ที่ตกเป็นภาระของสังคมรายต่อไป