ทำงานหนักมาหลายปี ทั้งงานประจำ ทั้งงานฟรีแลนซ์ ไปเที่ยวพักร้อน ก็ยังต้องแบกคอมไปทำงาน น่าจะรวยไปใช้ชีวิตได้ชิลๆ แต่พอดูเงินในบัญชี แทบจะไม่เหลือ ทำไมแรงที่ลง กับเงินที่เหลือ มันไม่สอดคล้องกัน เราพลาดตรงไหนไปหรือเปล่านะ?
1. ตั้งเป้าห ม ายในชีวิตก่อน
ก่อนอยากรวย สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ เราต้องรู้ก่อนว่า เป้าห ม ายชีวิตของเราคืออะไร อยากได้อะไรในชีวิตมิติต่างๆ บ้าง เมื่อเรารู้แล้วว่า
สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขคืออะไร แล้วเราจะมาคิดต่อได้ว่า สิ่งนั้นจำเป็นใช้เงินไหม และถ้าต้องใช้เงิน จะต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ บางทีเราอาจจะไม่จำเป็นต้องเหนื่อยเก็บเงิน มากเป็นร้อยล้านก็ได้
ถ้าสิ่งที่เราต้องการไม่ได้ใช้เงิน มากมายขนาดนั้น การตั้งเป้าห ม ายในชีวิต จะช่วยให้เราเก็บเงินได้สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการในชีวิตจริง อีกทั้งยังทำให้เรามีเป้าห ม ายในชีวิตมากขึ้นด้วยว่า เราจะทำสิ่งเหล่านี้ไปเพื่ออะไร
2. ตั้งเป้าห ม ายทางการเงิน
คำว่า “รวย” ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ก่อนรวย เราต้องพิจารณาก่อนว่า ชีวิตแบบไหนคือ ความร่ำรวยสำหรับเรา โดยเริ่มคิดจากเป้าห ม ายชีวิต
และต่อด้วยการตั้งเป้าห ม ายทางการเงิน ที่สอดคล้องกับชีวิตที่เราต้องการครับ เช่น เราอยากมีเงินใช้จ่ายเพียงพอในชีวิตประจำวัน อยากมีเงินไว้เติมเต็มในสิ่งที่ฝัน หรืออยากมีชีวิตวัยเกษียณที่สุขสบาย
ก็ต้องมาคิดต่อว่า ถ้าเราอยากทำหรือยากได้สิ่งเหล่านี้ ควรมีเงินเท่าไหร่ ใช้เวลาในการเก็บเงินทั้งหมดกี่ปี การตั้งเป้าห ม ายทางการเงิน ก็จะช่วยให้เรารู้ว่า จริงๆ แล้ว เราควรต้องหาเงินให้มากขึ้นอีกเท่าไหร่
หรือต้องออมอีกเท่าไหร่ ถึงจะตอบโจทย์ชีวิตของเรา พอเรามีเป้าห ม ายที่ชัดเจน ก็จะช่วยให้เรามีกำลังใจ และพลังใจในการเก็บเงินต่อไป อีกทั้งการมีเป้าห ม ายที่หนักแน่น จะช่วยผลักดันเราให้เข้าใกล้เป้าห ม ายได้มากขึ้นครับ
3. วางแผนทางการเงิน
เมื่อเป้าห ม ายชัดแล้ว แต่ทุกอย่างจะไม่สำเร็จเลย ถ้าขาดแผนการครับ ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปก็คือ เราต้องมานั่งวางแผนว่า ถ้าเราอยากรวย
หรืออยากมีชีวิตที่ตอบโจทย์ อยากมีเงินจำนวนนี้ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมากขึ้น ต้องใช้วิธีอะไรบ้าง เพื่อไปให้ถึงเป้าห ม าย
เช่น สมมติว่าเราตั้งเป้าห ม ายไว้ว่า ปีหน้าเราอยากไปเที่ยวต่างประเทศ ก็ต้องมาวางแผนต่อว่า เราต้องเก็บเงินให้ได้เดือนละกี่บาท
และเพื่อจะเก็บเงินให้ได้ ต้องหาเงินให้ได้เท่าไหร่ ควรใช้จ่ายแค่ไหน รวมถึงสัดส่วนในการออม และลงทุนที่เหมะสม หรือถ้าเราอยากได้ความมั่นคงในชีวิต
นอ กจากจะต้องวางแผนเก็บเงินแล้ว อาจจะต้องไปดูเรื่องประกันต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นคง รวมถึงป้องกันความเสี่ยงให้กับชีวิตได้มากขึ้นครับ
4. เพิ่มความรู้ทางการเงิน
เราจะเข้าใกล้ความรวย หรือเป้าห ม ายได้ง่ายขึ้น ถ้าเราไปถูกทาง สิ่งที่ทำให้เราเดินไปสู่เป้าห ม ายทางการเงินได้แม่นยำมากขึ้น
ก็คือ ความรู้ทางการเงินนั่นเองครับ เรื่องของการเงิน มีความรู้หลายอย่างที่จำเป็นต้องเรียนรู้เรื่อยๆ และถ้าเราขาดความรู้ ความเข้าใจ ก็อาจก่อให้เกิดนิสัยการใช้เงินแบบผิดๆ หรือบริหารเงินไม่เป็น
จนถึงขั้นทำให้ชีวิตพังเลยก็ได้ครับ ในทางกลับกัน ถ้าเรามีความรู้ที่เห ม าะสม ก็จะช่วยให้เราสามารถบริหารเงินได้อย่างถูกวิธี
เป็นความรู้ที่ติดตัวเราไปทั้งชีวิต ไม่ว่าชีวิตตอนนี้เรากำลังเจอ กับอะไร ก็จะสามารถมีสุขภาพทางการเงินที่ดี มีการเงินที่มั่งคั่งในชีวิตครับ
5. ลงมือ ก่อน สำเร็จง่ายกว่า
ทุกอย่างจะเป็นจริงไม่ได้ ถ้าปล่อยให้เป็นแค่สิ่งที่อยู่ในความคิด เราเลยต้องเริ่มลงมือทำอย่างจริงจังครับ บางทีการที่คนคนนึงมีสถานะทางการเงินดีกว่า
อาจไม่ได้อยู่ที่ได้เงินเดือน มากกว่า แต่อยู่ที่เขาเริ่มวางแผนและดูแลเรื่องการเงินก่อนใคร อย่างเช่น สมมตินาย A กับ นาย B เป็นเพื่อนกัน
เริ่มทำงานประจำพร้อมกัน มีรายได้พอๆ กัน แต่นาย A เริ่มออมเงินและลงทุน เดือนละ 3,000 บาท ในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน 7% ต่อปีตั้งแต่อายุ 20 ปี เมื่อเขาอายุ 30 ปี
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เขาจะมีเงินลงทุนสะสมถึง 519,254 บาท และหลังจากนั้นปล่อยให้เงินทำงานต่อ ในขณะที่นาย B ขอใช้ชีวิตก่อนใน 10 ปีแรก
ค่อยไปออมและลงทุนตอนอายุ 30 ปี แบบนาย A เป๊ะๆ สงสัยไหมครับว่า เมื่อทั้งคู่อายุ 55 ปี ใครมีเงินเก็บมากกว่ากัน
คำตอบก็คือ นาย A ครับ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น นาย A จะมีเงินเก็บ 2,818,216 บาท ในขณะที่นาย B มีเงินเก็บเพียง 2,430,215 บาท
จะเห็นได้ว่า ทุกอย่างแทบจะเหมือนกันเลย ต่างกันอย่างเดียวตรงที่เวลาในการเริ่มต้น หากเริ่มก่อน จะถึงเป้าห ม ายง่ายกว่า ถ้าอยากมีสุขภาพการเงินที่ดี ควรเริ่มตั้งแต่วันนี้เลยครับ
สรุป ทำงานหนักมาหลายปี ทำไมยังไม่รวยสักที บางทีอาจไม่ใช่เราทำงานไม่มากพอ แต่เรากำลังทำมันอย่างผิดวิธีก็ได้ครับ การขยันและตั้งใจทำงาน
ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้สถานะทางการเงินเราดีขึ้น แต่จะดียิ่งกว่า ถ้าเราหัน มาดูแลการเงินของเราอยากถูกวิธีด้วย ในขั้นตอนแรก
อาจจะยังไม่ต้องถึงขั้นรู้ว่า จะต้องออมเงินกี่เปอร์เซ็นต์ ต้องซื้อประกันตัวไหน แต่ขอแค่มีความตั้งใจอยากจะเริ่มในวันนี้ ความรวย ความมั่งคั่ง หรือเป้าห ม ายทางการเงินที่คาดหวังไว้ ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่ๆ ครับ
